อาหารที่มีไอโอดีนสูง มีอะไรบ้าง

9 การดู

อาหารที่มีไอโอดีนสูง ได้แก่ สาหร่ายทะเล ปลาทะเล กุ้ง หอย ปู และเกลือเสริมไอโอดีน นอกจากนี้ ผักบางชนิด อย่างผักโขม ผักกาดเขียว และบร็อคโคลี่ ก็มีไอโอดีนในปริมาณที่พอควร แต่ปริมาณไอโอดีนอาจแตกต่างกันไปตามชนิดและแหล่งผลิต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไอโอดีน: สารอาหารสำคัญและแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์

ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ร่างกายต้องการในปริมาณเล็กน้อย แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนเหล่านี้ควบคุมกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกาย โดยเฉพาะสมองของทารกในครรภ์และเด็กเล็ก การขาดไอโอดีนสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคคอพอก ภาวะพร่องไทรอยด์ และปัญหาด้านพัฒนาการทางสติปัญญาในเด็ก

โชคดีที่เราสามารถได้รับไอโอดีนจากอาหารหลากหลายชนิด โดยแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยไอโอดีนมากที่สุดคือ อาหารทะเล เช่น

  • สาหร่ายทะเล: เป็นแหล่งไอโอดีนชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำตาลอย่างสาหร่ายคอมบุ สาหร่ายวากาเมะ และสาหร่ายฮิปจิกิ แต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการได้รับไอโอดีนมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
  • ปลาทะเล: ปลาทะเลน้ำลึกอย่างปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาค็อด และปลาซาร์ดีน เป็นแหล่งไอโอดีนที่ดี
  • อาหารทะเลอื่นๆ: กุ้ง หอย ปู และปลาหมึก ก็มีไอโอดีนเช่นกัน แต่อาจมีปริมาณน้อยกว่าปลาและสาหร่ายทะเล

นอกจากอาหารทะเลแล้ว เกลือเสริมไอโอดีน ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งไอโอดีนที่สำคัญและเข้าถึงได้ง่าย การใช้เกลือเสริมไอโอดีนในการปรุงอาหารเป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพในการป้องกันการขาดไอโอดีน

สำหรับ ผลิตภัณฑ์นม เช่น นม โยเกิร์ต และชีส รวมถึง ไข่ไก่ ก็มีไอโอดีนในปริมาณที่พอควร แต่ปริมาณไอโอดีนในอาหารเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามอาหารสัตว์ที่ใช้เลี้ยง

ผักบางชนิด ก็มีไอโอดีนอยู่บ้าง เช่น

  • ผักใบเขียว: เช่น ผักโขม ผักกาดเขียว และบร็อคโคลี่
  • พืชตระกูลหัว: เช่น มันฝรั่งและหัวหอม

อย่างไรก็ตาม ปริมาณไอโอดีนในผักจะขึ้นอยู่กับปริมาณไอโอดีนในดินที่ใช้ปลูก ดังนั้นจึงไม่สามารถเป็นแหล่งไอโอดีนที่เชื่อถือได้เท่ากับอาหารทะเลและเกลือเสริมไอโอดีน

การเลือกรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนอย่างหลากหลายและเพียงพอ ร่วมกับการใช้เกลือเสริมไอโอดีนในการปรุงอาหาร จะช่วยให้ร่างกายได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอ ส่งเสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ให้เป็นปกติ และมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปริมาณไอโอดีนที่ควรได้รับ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม