เนื้อส่วนไหนเหมาะกับแกง

เนื้อส่วนไหน…สู่ความกลมกล่อมในหม้อแกง: เลือกเนื้อให้เหมาะ อร่อยถึงใจ

การทำแกงที่ดี นอกจากเครื่องแกงรสเด็ดแล้ว การเลือกเนื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื้อแต่ละส่วนมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ส่งผลต่อรสชาติและสัมผัสของแกงอย่างชัดเจน วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเนื้อส่วนต่างๆ ที่เหมาะกับการนำมาทำแกง เพื่อให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยที่ลงตัวที่สุด

หลายคนคุ้นเคยกับการใช้ เนื้อส่วน Shank (แข้ง) ในการทำแกง และนั่นก็เป็นการเลือกที่ชาญฉลาด เพราะเนื้อส่วนนี้มีลักษณะเด่นคือ มีทั้งเนื้อและเอ็นแทรกอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อนำไปตุ๋นหรือเคี่ยวในน้ำแกง เนื้อจะค่อยๆ ปล่อยคอลลาเจนออกมา ทำให้ได้น้ำแกงที่ข้น กลมกล่อม และมีรสชาติเข้มข้นเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เนื้อส่วน Shank ยังมีความเหนียวในระดับปานกลาง เมื่อตุ๋นนานๆ จะได้เนื้อที่นุ่มละลายในปาก เหมาะอย่างยิ่งกับแกงที่มีรสชาติเข้มข้น เช่น แกงเขียวหวาน แกงแดง แกงส้ม หรือแม้แต่แกงกะหรี่ ที่ต้องการเนื้อที่มีความนุ่ม และรสชาติที่ซึมซับเครื่องแกงได้ดีเยี่ยม

แต่ Shank ไม่ใช่เนื้อส่วนเดียวที่เหมาะกับการทำแกง เนื้อส่วนอื่นๆ ก็มีคุณสมบัติที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น:

• เนื้อส่วน Brisket (เนื้อหน้าอก): มีไขมันแทรกอยู่พอสมควร ทำให้ได้แกงที่รสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นหอม เหมาะกับแกงที่มีรสชาติไม่จัดจ้านมากนัก เช่น แกงจืด แกงเลียง หรือแกงเนื้อแบบไทยๆ ที่เน้นความหอมหวานของเนื้อ

• เนื้อส่วน Chuck (เนื้อไหล่): เป็นเนื้อที่มีทั้งส่วนที่นุ่มและส่วนที่เหนียวปนกัน จึงต้องใช้เวลาในการตุ๋นค่อนข้างนาน แต่เมื่อได้ที่แล้ว จะได้เนื้อที่นุ่ม ละลายในปาก เหมาะกับแกงที่ต้องใช้เวลาในการตุ๋นอยู่แล้ว เช่น แกงเนื้อตุ๋น หรือแกงกระดูก

• เนื้อส่วน Short Rib (ซี่โครงสั้น): มีเนื้อและไขมันแทรกอยู่เยอะ ทำให้ได้น้ำแกงที่เข้มข้น และมีรสชาติกลมกล่อม เหมาะกับการทำแกงที่มีรสชาติจัดจ้าน หรือแกงที่ต้องการความมัน เช่น แกงเผ็ด หรือแกงกะหรี่

การเลือกเนื้อให้เหมาะสมกับประเภทของแกง จะช่วยเสริมสร้างรสชาติ และสัมผัสของแกงให้ดียิ่งขึ้น ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ เพื่อสร้างสรรค์เมนูแกงที่อร่อย และประทับใจได้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือเชฟมืออาชีพ ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างง่ายดาย