Michelin มีกี่แบบ

7 การดู
มิชลินมีหลายประเภท ไม่ได้มีเพียงแค่การให้ดาว (Michelin Star) เท่านั้น ยังมีการจัดอันดับร้านอาหารด้วยสัญลักษณ์อื่นๆ เช่น Bib Gourmand ซึ่งมอบให้กับร้านอาหารที่อร่อยและราคาสมเหตุสมผล รวมถึงการแนะนำร้านอาหารที่น่าสนใจในแต่ละเมือง (Michelin Plate) โดยมิชลินไกด์จะประเมินคุณภาพของอาหาร, เทคนิคการทำอาหาร, รสชาติ, ความคิดสร้างสรรค์, และความสม่ำเสมอของประสบการณ์ในการรับประทานอาหาร
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

มากกว่าดาว: ความหลากหลายของรางวัลจากมิชลินไกด์

เมื่อพูดถึงมิชลิน หลายคนมักนึกถึง ดาวมิชลิน อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเลิศด้านอาหาร แต่ความจริงแล้ว มิชลินไกด์นั้นมีระบบการให้รางวัลและจัดอันดับร้านอาหารที่หลากหลายกว่านั้นมาก เพื่อสะท้อนถึงความโดดเด่นและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แตกต่างกันออกไป

แน่นอนว่าดาวมิชลินยังคงเป็นรางวัลสูงสุดที่ร้านอาหารใฝ่ฝันถึง ดาวแต่ละดวงมีความหมายที่แตกต่างกัน:

  • หนึ่งดาวมิชลิน: ร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การแวะชิม
  • สองดาวมิชลิน: ร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การเดินทางไปลิ้มลอง
  • สามดาวมิชลิน: ร้านอาหารที่โดดเด่นเป็นพิเศษ คุ้มค่าแก่การเดินทางเพื่อไปสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก

อย่างไรก็ตาม มิชลินไม่ได้มองหาร้านอาหารที่หรูหราและมีราคาแพงเพียงอย่างเดียว พวกเขายังให้ความสำคัญกับร้านอาหารที่มอบประสบการณ์อันน่าประทับใจในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ด้วยรางวัล Bib Gourmand

Bib Gourmand: รางวัลนี้มอบให้กับร้านอาหารที่นำเสนออาหารรสเลิศในราคาสมเหตุสมผล โดยมักจะเป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศสบายๆ และเน้นวัตถุดิบคุณภาพดี รางวัล Bib Gourmand เป็นเหมือนการบอกว่า ร้านนี้อร่อยและคุ้มค่าเงิน! และเป็นที่นิยมในหมู่นักชิมที่ต้องการลิ้มลองรสชาติท้องถิ่นในบรรยากาศที่เป็นกันเอง

นอกจากดาวมิชลินและ Bib Gourmand แล้ว มิชลินไกด์ยังมีการแนะนำร้านอาหารที่น่าสนใจในแต่ละเมืองด้วยสัญลักษณ์ Michelin Plate (หรือ The Michelin Plate ในบางครั้ง)

Michelin Plate: ร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำโดย Michelin Plate ถือเป็นร้านอาหารที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพของอาหารที่เสิร์ฟ แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นได้รับดาวหรือ Bib Gourmand แต่ก็เป็นร้านอาหารที่มิชลินเห็นว่าควรค่าแก่การไปลอง

เกณฑ์การประเมิน: ไม่ว่าจะเป็นการให้ดาว Bib Gourmand หรือ Michelin Plate มิชลินไกด์จะใช้เกณฑ์เดียวกันในการประเมินร้านอาหาร ซึ่งประกอบไปด้วย:

  • คุณภาพของวัตถุดิบ: วัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญ
  • เทคนิคการทำอาหาร: เชฟต้องมีความชำนาญในการปรุงอาหารและดึงรสชาติออกมาให้ได้มากที่สุด
  • รสชาติ: รสชาติของอาหารต้องอร่อยและมีความสมดุล
  • ความคิดสร้างสรรค์: เชฟต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนออาหารที่แปลกใหม่และน่าสนใจ
  • ความสม่ำเสมอ: คุณภาพของอาหารและบริการต้องมีความสม่ำเสมอในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการ

ดังนั้น การปรากฏอยู่ในมิชลินไกด์ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ถือเป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพและความโดดเด่นของร้านอาหารนั้นๆ และเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักชิมจากทั่วโลกให้มาลิ้มลองรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์