กี่โมงถึงจะเรียกว่าตื่นสาย

4 การดู

การนอนดึกตื่นสายบ่อยๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจ อาจทำให้ระบบเผาผลาญพัง ภูมิคุ้มกันต่ำ เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า และลดประสิทธิภาพการทำงาน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นกันเถอะ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ตื่นสายแค่ไหนถึงเรียกว่า “สายเกินไป” และทำไมต้องใส่ใจ?

คำว่า “ตื่นสาย” เป็นคำที่ขึ้นอยู่กับบริบทและวิถีชีวิตของแต่ละบุคคล ไม่มีเวลาที่ตายตัวว่ากี่โมงถึงจะเรียกว่าสาย สำหรับบางคน การตื่น 8 โมงเช้าอาจถือว่าสายมาก หากพวกเขามีงานที่ต้องเริ่มทำตั้งแต่ 7 โมง ในขณะที่บางคน อาจจะทำงานอิสระหรือนักเรียนที่ยังปิดเทอม การตื่น 10 โมงก็อาจจะไม่ถือว่าสาย

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของสุขภาพและวงจรชีวิตตามธรรมชาติ การตื่นสายเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลยช่วงเวลาที่ร่างกายได้รับแสงแดดในยามเช้า หรือตื่นสายจนรบกวนกิจวัตรประจำวัน ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า สมองไม่ปลอดโปร่ง และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน แบบนี้น่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ดีกว่าว่าคุณตื่นสายเกินไปหรือไม่

แทนที่จะโฟกัสที่ตัวเลขบนนาฬิกา เราควรหันมาสังเกตตัวเองว่าการตื่นของเราส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจหรือไม่ ลองพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:

  • รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดวัน: แม้จะนอน đủ ชั่วโมง แต่หากตื่นสายจนรบกวนวงจรการนอนหลับ อาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในเวลาที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียได้
  • ไม่มีสมาธิ: การตื่นสายอาจทำให้พลาดช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งที่สุด ส่งผลต่อสมาธิและประสิทธิภาพในการเรียนหรือการทำงาน
  • อารมณ์แปรปรวน: การนอนหลับไม่เพียงพอหรือตื่นสายเกินไป อาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
  • ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ: การตื่นสาย รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง น้ำหนักขึ้น และเสี่ยงต่อโรคต่างๆ
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ: การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสม เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา แม้ในวันหยุด เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีในระยะยาว อย่าปล่อยให้ “ตื่นสาย” กลายเป็นนิสัยที่ทำร้ายสุขภาพของคุณ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดชื่น พร้อมรับมือกับทุก défis ที่เข้ามา ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน.