ก้อนแข็งใต้คางเกิดจากอะไรได้บ้าง

2 การดู

ก้อนแข็งใต้คางอาจเกิดจากถุงน้ำ (cyst) เช่น ถุงน้ำที่ต่อมน้ำลาย ถุงน้ำผิวหนัง หรือก้อนไขมัน (lipoma) ซึ่งมักไม่เจ็บปวด แต่หากมีขนาดใหญ่ขึ้นรวดเร็ว มีอาการปวด บวม แดง หรือมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ก้อนแข็งใต้คาง: สัญญาณที่ต้องใส่ใจ และสิ่งที่ควรรู้

การคลำเจอก้อนแข็งใต้คาง อาจสร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน เพราะบริเวณนี้เป็นจุดที่ใกล้กับอวัยวะสำคัญต่างๆ และอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างในร่างกายได้ แม้ว่าก้อนแข็งใต้คางบางชนิดจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ และแนวทางการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

อะไรคือสาเหตุที่เป็นไปได้ของก้อนแข็งใต้คาง?

นอกเหนือจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น (ถุงน้ำชนิดต่างๆ และก้อนไขมัน) ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดก้อนแข็งใต้คางได้เช่นกัน:

  • ต่อมน้ำเหลืองโต: ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน มีหน้าที่กรองเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม เมื่อร่างกายมีการติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด เจ็บคอ ฟันผุ หรือการอักเสบในบริเวณใกล้เคียง ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคางและลำคออาจโตขึ้น ทำให้คลำพบเป็นก้อนได้ ก้อนที่เกิดจากต่อมน้ำเหลืองโตมักมีลักษณะกลม ค่อนข้างนิ่ม และอาจมีอาการเจ็บเมื่อสัมผัส
  • การอักเสบของต่อมน้ำลาย: ต่อมน้ำลายใต้คางอาจเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการอุดตันของท่อต่อมน้ำลาย ทำให้เกิดอาการบวม ปวด และคลำพบก้อนแข็ง
  • นิ่วในต่อมน้ำลาย: การสะสมของแร่ธาตุในต่อมน้ำลาย อาจก่อให้เกิดนิ่ว ซึ่งขัดขวางการไหลของน้ำลาย ทำให้เกิดอาการบวม ปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรับประทานอาหาร
  • เนื้องอก: แม้จะไม่พบได้บ่อยนัก แต่ก้อนแข็งใต้คางก็อาจเกิดจากเนื้องอก ทั้งชนิดที่ไม่ร้ายแรง (benign tumor) และชนิดที่ร้ายแรง (malignant tumor หรือมะเร็ง) เนื้องอกในบริเวณนี้อาจเกิดขึ้นที่ต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำเหลือง หรือเนื้อเยื่ออื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

แม้ว่าก้อนแข็งใต้คางบางชนิดจะไม่เป็นอันตราย แต่การสังเกตอาการและปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ ถือเป็นสิ่งสำคัญ:

  • ก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว: หากก้อนใต้คางมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างผิดสังเกตในระยะเวลาสั้นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • มีอาการปวด บวม แดง หรือร้อน: อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ หรือการอักเสบที่ต้องได้รับการรักษา
  • มีไข้: การมีไข้ร่วมกับก้อนแข็งใต้คาง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในร่างกาย
  • กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก: หากก้อนมีขนาดใหญ่จนกดทับทางเดินอาหาร หรือทางเดินหายใจ ควรรีบพบแพทย์ทันที
  • ก้อนแข็งไม่หายไปภายใน 2-3 สัปดาห์: หากก้อนยังคงอยู่และไม่ยุบลง แม้ว่าอาการอื่นๆ จะดีขึ้นแล้ว ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย: เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เป็นต้น

การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัยก้อนแข็งใต้คาง เริ่มต้นจากการซักประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย และการคลำก้อน หากจำเป็น แพทย์อาจสั่งตรวจเพิ่มเติม เช่น:

  • การเจาะดูดเซลล์ (Fine Needle Aspiration – FNA): เป็นการใช้เข็มเล็กๆ ดูดเซลล์จากก้อนไปตรวจ เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นเซลล์ชนิดใด
  • การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): เป็นการตัดชิ้นเนื้อจากก้อนไปตรวจ เพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย
  • การตรวจภาพถ่ายรังสี (Imaging Tests): เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound), ซีทีสแกน (CT Scan), หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) เพื่อดูรายละเอียดของก้อนและบริเวณโดยรอบ

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดก้อนแข็งใต้คาง:

  • การติดเชื้อ: อาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ถุงน้ำ หรือก้อนไขมัน: อาจไม่จำเป็นต้องรักษาหากไม่มีอาการ แต่หากมีขนาดใหญ่ หรือสร้างความรำคาญ อาจต้องผ่าตัดออก
  • นิ่วในต่อมน้ำลาย: อาจต้องผ่าตัดเพื่อนำนิ่วออก
  • เนื้องอก: การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้องอก อาจต้องผ่าตัด ฉายรังสี หรือเคมีบำบัด

ข้อควรจำ:

  • บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ได้
  • หากคุณคลำเจอก้อนแข็งใต้คาง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
  • การดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง การรักษาสุขอนามัยในช่องปาก และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดก้อนแข็งใต้คางได้

การตระหนักถึงความผิดปกติของร่างกาย และการเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างทันท่วงที จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสม และสามารถกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อีกครั้ง