สีรองพื้น 18 ลิตร ทาได้กี่ ตาราง เมตร

สีรองพื้น 18 ลิตร… ทาได้กี่ตารางเมตร? คำตอบที่มากกว่าแค่ตัวเลข

คำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อเลือกซื้อสีรองพื้น คือ “สีรองพื้นขนาดนี้ ทาได้กี่ตารางเมตร?” โดยเฉพาะสีรองพื้นคุณภาพสูงขนาด 18 ลิตร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปริมาณมาก แต่การคำนวณพื้นที่ใช้งานจริงกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่มักถูกมองข้าม

ผู้ผลิตมักระบุพื้นที่ครอบคลุมโดยประมาณไว้บนฉลาก เช่น “ทาได้ประมาณ 160-180 ตารางเมตร” ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการทดสอบในห้องแล็บภายใต้สภาวะที่เหมาะสม แต่ในความเป็นจริง ปริมาณการใช้งานอาจแตกต่างกันไปอย่างมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นผิวที่จะทาสี

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้งานสีรองพื้น 18 ลิตร:

• ความซึมซับของพื้นผิว: นี่คือปัจจัยหลัก พื้นผิวปูนฉาบที่แห้งสนิทและเรียบเนียน จะซึมซับสีน้อยกว่า จึงใช้สีได้ประหยัดกว่า ในทางกลับกัน พื้นผิวที่ร่วน มีรูพรุนมาก หรือดูดซับน้ำได้ดี จะต้องการสีรองพื้นปริมาณมากขึ้นเพื่อให้ได้การปกปิดที่สมบูรณ์ และการยึดเกาะที่ดีของสีทับหน้า

• วิธีการทาสี: การใช้แปรง ลูกกลิ้ง หรือเครื่องพ่นสี จะส่งผลต่อปริมาณการใช้งาน การพ่นสีมักใช้สีได้ประหยัดกว่า แต่ต้องอาศัยความชำนาญ การใช้แปรงอาจทำให้ใช้สีมากขึ้นเล็กน้อย แต่ให้ความละเอียดและการปกปิดที่ดีในพื้นที่ที่มีรายละเอียดสูง

• ความหนืดของสี: สีที่มีความหนืดสูงอาจต้องการการทาหลายรอบเพื่อให้ได้การปกปิดที่สมบูรณ์ ส่งผลให้ใช้สีมากกว่า สีรองพื้นบางชนิดอาจมีความหนืดที่แตกต่างกันแม้ว่าจะเป็นปริมาณเดียวกัน

• สภาพอากาศ: อุณหภูมิและความชื้นของอากาศ มีผลต่อการแห้งตัวของสี และอาจส่งผลต่อการยึดเกาะ ในสภาพอากาศร้อนและแห้ง สีอาจแห้งเร็วเกินไป ทำให้ต้องทาซ้ำ ในขณะที่สภาพอากาศชื้น สีอาจแห้งช้า และอาจทำให้ใช้สีมากขึ้น

สรุปแล้ว ตัวเลข 160-180 ตารางเมตร เป็นเพียงค่าประมาณ ไม่ใช่ค่าที่แน่นอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทดสอบการใช้งานสีรองพื้นในพื้นที่เล็กๆ ก่อน เพื่อประเมินปริมาณการใช้งานที่เหมาะสม และคำนวณปริมาณสีที่ต้องใช้สำหรับพื้นที่ทั้งหมด รวมทั้งเผื่อปริมาณไว้สำหรับการทาซ้ำ หรือการแก้ไขจุดที่อาจมีการซึมซับสีมากเป็นพิเศษ

การลงทุนกับสีรองพื้นคุณภาพดี แม้จะดูมีราคาสูงกว่า แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะของสีทับหน้า ยืดอายุการใช้งาน และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะสีทาบ้านที่สวยงาม เริ่มต้นจากการเลือกใช้สีรองพื้นที่เหมาะสม และการเตรียมพื้นผิวที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน