เมาน้ำตาลทำไง

4 การดู
หากรู้สึกว่าตัวเอง เมาน้ำตาล หรือมีอาการหลังจากทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ลองทำดังนี้: ดื่มน้ำเปล่า: ช่วยลดความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือด ทานอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์: ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ขึ้น เช่น ถั่ว หรือ โยเกิร์ต ออกกำลังกายเบาๆ: ช่วยเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกิน พักผ่อน: หากรู้สึกอ่อนเพลีย ให้พักผ่อนให้เพียงพอ ปรึกษาแพทย์: หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมาน้ำตาล: รับมืออย่างไรเมื่อร่างกายตอบสนองต่อน้ำตาลมากเกินไป

เคยไหม? หลังจากการดื่มด่ำกับขนมหวานแสนอร่อย หรือเครื่องดื่มรสซาบซ่า กลับรู้สึกไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเผชิญกับภาวะ เมาน้ำตาล หรือ Sugar Rush นั่นเอง

ภาวะเมาน้ำตาลเกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการหลั่งอินซูลินออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อพยายามนำน้ำตาลไปใช้ แต่กระบวนการนี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำกว่าปกติ (Hypoglycemia) ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่เราเรียกว่าเมาน้ำตาล

อาการของภาวะเมาน้ำตาลมีอะไรบ้าง?

อาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปมักประกอบด้วย:

  • รู้สึกอ่อนเพลีย: เหมือนพลังงานถูกสูบออกไปจากร่างกาย
  • หงุดหงิดง่าย: อารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียว
  • สมาธิสั้น: ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้นาน
  • ใจสั่น: รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ปวดศีรษะ: มักเป็นอาการปวดตื้อๆ หรือปวดตุบๆ
  • กระหายน้ำ: ร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินออกไป
  • คลื่นไส้: รู้สึกไม่สบายท้อง อยากอาเจียน

รับมือกับอาการเมาน้ำตาลอย่างถูกวิธี

หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเมาน้ำตาล ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้:

  1. ดื่มน้ำเปล่า: น้ำเปล่าช่วยเจือจางความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือด และช่วยให้ร่างกายขับน้ำตาลส่วนเกินออกไปได้เร็วขึ้น จิบน้ำบ่อยๆ ตลอดวัน

  2. ทานอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์: โปรตีนและไฟเบอร์จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แทนที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างอาหารที่แนะนำ ได้แก่ ถั่วต่างๆ โยเกิร์ตกรีก ไข่ต้ม หรือผักใบเขียว

  3. ออกกำลังกายเบาๆ: การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกินได้เร็วขึ้น การเดินเล่นเบาๆ หรือยืดเส้นยืดสายก็ช่วยได้มาก

  4. พักผ่อนให้เพียงพอ: หากรู้สึกอ่อนเพลีย การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นอนหลับให้เต็มอิ่ม และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก

  5. ปรึกษาแพทย์: หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นหลังจากลองทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว หรือหากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

ป้องกันดีกว่าแก้: ลดความเสี่ยงของภาวะเมาน้ำตาล

วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือกับภาวะเมาน้ำตาลคือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก โดยทำได้ดังนี้:

  • จำกัดปริมาณน้ำตาลที่บริโภค: อ่านฉลากโภชนาการอย่างละเอียด และเลือกอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม และน้ำหวานต่างๆ
  • ทานอาหารให้สมดุล: เน้นอาหารที่มีโปรตีน ไฟเบอร์ และไขมันดี เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
  • ทานอาหารเป็นมื้อย่อยๆ: การทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น

การตระหนักถึงอาการและเรียนรู้วิธีรับมือกับภาวะเมาน้ำตาล จะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารหวานได้อย่างมีความสุข โดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ