ไฟดับควรทำไงกับตู้เย็น

1 การดู

เพื่อป้องกันมอเตอร์ตู้เย็นเสียหายจากไฟกระชาก เมื่อไฟฟ้าดับหรือมีไฟตก ควรปิดสวิตช์ที่ตัวตู้เย็นก่อน แล้วจึงถอดปลั๊กออกทันที หลังไฟฟ้ากลับมาใช้งาน รออย่างน้อย 5 นาที ก่อนเสียบปลั๊กและเปิดเครื่องใหม่ การปฏิบัติดังกล่าวช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไฟดับ! ดูแลตู้เย็นอย่างไรให้ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน

ไฟดับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดจากภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือการซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า และแน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะตู้เย็น เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดับ การดูแลตู้เย็นอย่างถูกวิธีในช่วงไฟดับ ไม่เพียงช่วยรักษาคุณภาพอาหารภายใน แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็น ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับมอเตอร์จากไฟกระชากได้

หลายคนอาจคิดว่าแค่ปิดตู้เย็นก็เพียงพอแล้ว แต่จริงๆ แล้วยังมีขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป นั่นคือการถอดปลั๊กออกทุกครั้งหลังปิดตู้เย็นเมื่อไฟดับ เพราะแม้จะปิดสวิตช์ที่ตัวตู้เย็นแล้ว วงจรไฟฟ้าบางส่วนยังคงทำงานอยู่ และเมื่อไฟฟ้ากลับมา อาจเกิดไฟกระชาก ซึ่งเป็นอันตรายต่อมอเตอร์ตู้เย็นได้

ดังนั้น ขั้นตอนการดูแลตู้เย็นเมื่อไฟดับที่ถูกต้องมีดังนี้:

  1. ปิดสวิตช์ที่ตัวตู้เย็นทันที: เมื่อไฟดับให้รีบปิดสวิตช์ที่ตัวตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อตัดการทำงานของระบบทำความเย็น

  2. ถอดปลั๊กตู้เย็นออก: หลังจากปิดสวิตช์แล้ว ให้ถอดปลั๊กตู้เย็นออกจากเต้ารับทันที เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟกระชากที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไฟฟ้ากลับมา

  3. รออย่างน้อย 5 นาทีหลังไฟฟ้ากลับมา: อย่ารีบเสียบปลั๊กตู้เย็นทันทีที่ไฟฟ้ากลับมา ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้ระบบไฟฟ้าเสถียร และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับมอเตอร์ตู้เย็น

  4. เสียบปลั๊กและเปิดสวิตช์ตู้เย็น: หลังจากรออย่างน้อย 5 นาทีแล้ว จึงค่อยเสียบปลั๊กตู้เย็นกลับเข้าที่เดิมและเปิดสวิตช์ เพื่อให้ตู้เย็นกลับมาทำงานตามปกติ

การปฏิบัติตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ จะช่วยป้องกันมอเตอร์ตู้เย็นจากความเสียหาย ยืดอายุการใช้งาน และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในระยะยาวได้อีกด้วย อย่าลืมใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้อยู่กับเราไปนานๆ นะครับ