กล้องเพอริสโคป ใช้เลนส์อะไร

8 การดู

กล้องเพอริสโคปในสมาร์ทโฟนใช้ระบบเลนส์ประกอบหลายชิ้น โดยหลักๆ ประกอบด้วยเลนส์ telephoto หลายตัวที่จัดเรียงและเคลื่อนที่ได้ เพื่อหักเหแสงให้เข้าสู่เซ็นเซอร์ โดยไม่ต้องใช้เลนส์ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากตัวเครื่อง จึงทำให้สามารถซูมได้ไกลมากขึ้น พร้อมคุณภาพของภาพที่ดีเยี่ยมแม้ในระยะไกล

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ส่องไกลผ่านเลนส์ : ถอดรหัสระบบกล้องเพอริสโคปในสมาร์ทโฟน

ในยุคที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นอวัยวะที่ 33 เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพนับเป็นส่วนสำคัญที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นคือ “กล้องเพอริสโคป” ซึ่งพลิกโฉมข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ในตัวเครื่อง ให้สามารถซูมภาพได้ไกลระดับกล้องโปร

แต่เบื้องหลังความอัจฉริยะนี้ กล้องเพอริสโคปใช้เลนส์อะไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของเทคโนโลยีสุดล้ำนี้

เลนส์ Telephoto : กุญแจสำคัญสู่การซูม

หัวใจสำคัญของกล้องเพอริสโคปคือการนำ “เลนส์เทเลโฟโต้” (Telephoto lens) หลายตัวมาจัดเรียงในลักษณะหักมุม 90 องศา คล้ายกับกล้องส่องทางไกลหรือกล้องปริทรรศน์ (Periscope) ที่ใช้ในเรือดำน้ำ โดยแสงจะเดินทางผ่านเลนส์เหล่านี้เป็นขั้นตอน ดังนี้

  1. เลนส์ตัวแรก จะรับแสงจากวัตถุที่อยู่ไกล
  2. ปริซึม จะทำหน้าที่สะท้อนแสงให้หักมุม 90 องศา ไปยังชุดเลนส์ถัดไป
  3. ชุดเลนส์ Telephoto หลายตัวจะขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
  4. สุดท้าย แสงจะตกกระทบที่เซ็นเซอร์ เพื่อประมวลผลเป็นภาพถ่าย

ความพิเศษของเลนส์ Telephoto ในกล้องเพอริสโคป

  • ระยะโฟกัสยาว: เลนส์ Telephoto ถูกออกแบบมาให้มีระยะโฟกัสยาวกว่าเลนส์ปกติ ทำให้สามารถซูมภาพได้ไกลขึ้นโดยไม่สูญเสียรายละเอียด
  • ขนาดกะทัดรัด: การจัดเรียงเลนส์ในแนวนอนช่วยลดข้อจำกัดเรื่องความหนาของตัวเครื่อง
  • ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS): กล้องเพอริสโคปมักมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว ช่วยให้ภาพคมชัดแม้ซูมในระยะไกล

ข้อจำกัดของกล้องเพอริสโคป

แม้กล้องเพอริสโคปจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรรู้

  • ราคาสูง: เทคโนโลยีกล้องเพอริสโคปมีราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้สมาร์ทโฟนที่มีกล้องประเภทนี้มีราคาแพงตามไปด้วย
  • รูรับแสงแคบ: กล้องเพอริสโคปมักมีรูรับแสงแคบกว่าเลนส์ปกติ ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ไม่ดีเท่า

สรุป

กล้องเพอริสโคป คือ นวัตกรรมที่ผสานเลนส์ Telephoto และการออกแบบอันชาญฉลาด เพื่อยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน แม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต