การตั้งชื่อตัวแปร มีอะไรบ้าง

11 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:

การตั้งชื่อตัวแปรที่ดีช่วยให้อ่านและทำความเข้าใจโค้ดได้ง่ายขึ้น นอกเหนือจากกฎพื้นฐานแล้ว ควรเลือกชื่อที่มีความหมาย สื่อถึงหน้าที่ของตัวแปรนั้นๆ หลีกเลี่ยงชื่อย่อที่กำกวม และใช้รูปแบบการตั้งชื่อที่สอดคล้องกับมาตรฐานของภาษาโปรแกรมที่คุณใช้ เพื่อให้โค้ดของคุณเป็นระเบียบและง่ายต่อการบำรุงรักษา

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

การตั้งชื่อตัวแปร

การตั้งชื่อตัวแปรเป็นส่วนสำคัญในการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพและเข้าใจได้ง่าย ชื่อตัวแปรควรมีความหมาย ชัดเจน และสื่อถึงวัตถุประสงค์ของตัวแปรนั้นๆ อย่างแม่นยำ โดยทั่วไปแล้วควรปฏิบัติตามกฎต่อไปนี้เมื่อตั้งชื่อตัวแปร:

  • ใช้ชื่อที่มีความหมาย: หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อทั่วไปหรือกำกุม เช่น “x”, “y” หรือ “i” ให้ใช้ชื่อเฉพาะที่อธิบายข้อมูลที่ตัวแปรนั้นเก็บไว้ เช่น “customerName”, “productQuantity” หรือ “orderDate”
  • สื่อถึงหน้าที่ของตัวแปร: ชื่อตัวแปรควรบ่งบอกถึงหน้าที่หรือวัตถุประสงค์หลัก เช่น ตัวแปรที่เก็บจำนวนรายการที่สั่งซื้ออาจใช้ชื่อว่า “numberOfItems”
  • หลีกเลี่ยงชื่อย่อที่กำกวม: ชื่อย่ออาจทำให้โค้ดสับสนและยากต่อการบำรุงรักษา ให้ใช้ชื่อเต็มเพื่อความชัดเจนเสมอ
  • ใช้รูปแบบการตั้งชื่อที่สอดคล้อง: ภาษาโปรแกรมส่วนใหญ่มีแนวทางสำหรับการตั้งชื่อตัวแปร เช่น การใช้เคม็ลเคส (CamelCase) ซึ่งหมายถึงการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่สำหรับคำแรกของแต่ละคำ ยกเว้นคำแรก ให้ปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้เพื่อให้โค้ดของคุณเป็นระเบียบและง่ายต่อการอ่าน
  • หลีกเลี่ยงคำสงวน: คำสงวนเป็นคำพิเศษที่ใช้โดยภาษาโปรแกรม ห้ามใช้คำเหล่านี้เป็นชื่อตัวแปร
  • เลือกความยาวที่เหมาะสม: ชื่อตัวแปรควรมีความยาวเพียงพอที่จะอธิบายตัวแปรนั้นๆ ได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ยาวจนเกินไปที่จะอ่านหรือพิมพ์ได้ยาก
  • ใช้คำนามแทนคำกริยา: ตัวแปรควรเป็นคำนามที่ระบุข้อมูลที่เก็บไว้ เช่น “customerName” แทน “getCustomerName”

โดยการปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ คุณสามารถตั้งชื่อตัวแปรที่อ่านง่าย เข้าใจได้ชัดเจน และบำรุงรักษาได้ง่าย ซึ่งจะช่วยให้โค้ดของคุณมีประสิทธิภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้อื่นและสำหรับตัวคุณเองในอนาคต