คนไทยเล่นมือถือวันละกี่ชม

5 การดู

คนไทยใช้เวลาบนมือถือเฉลี่ยวันละกว่า 5 ชั่วโมง โดยส่วนใหญ่ใช้สำหรับการสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ การเข้าถึงโซเชียลมีเดีย และการรับชมวิดีโอออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันอย่างสูง และความนิยมของบริการดิจิทัลที่หลากหลาย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

มือถือเพื่อน (ไม่) สนิท: สำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของคนไทยกับการอยู่รอดในโลกดิจิทัล

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคดิจิทัลนี้ สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เราก็มักจะเห็นผู้คนก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอเล็กๆ ในมือ ไม่เว้นแม้แต่ขณะเดิน กินข้าว หรือแม้กระทั่งรอสัญญาณไฟจราจร

ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าคนไทยใช้เวลาอยู่บนมือถือเฉลี่ยวันละกว่า 5 ชั่วโมง ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่สถิติที่น่าตกใจ แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของเราอย่างชัดเจน เมื่อพิจารณาถึงกิจกรรมหลักๆ ที่ดึงดูดเวลาของเราไปบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการแชทผ่านแอปพลิเคชันยอดนิยม การไถฟีดโซเชียลมีเดียอย่างไม่รู้จบ หรือการรับชมวิดีโอคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการพึ่งพาสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง

แต่คำถามที่น่าสนใจคือ การใช้เวลาบนมือถือวันละ 5 ชั่วโมงนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างไรบ้าง? ในแง่หนึ่ง สมาร์ทโฟนได้มอบความสะดวกสบายและการเข้าถึงข้อมูลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เราสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนฝูงและครอบครัวได้จากทุกที่บนโลก สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้และข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้ทุกรูปแบบเพียงปลายนิ้วสัมผัส

อย่างไรก็ตาม การใช้สมาร์ทโฟนอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจนำมาซึ่งผลเสียได้เช่นกัน การเสพติดโซเชียลมีเดียอาจทำให้เกิดอาการ FOMO (Fear of Missing Out) หรือความกลัวที่จะพลาดข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ จนนำไปสู่ความเครียดและความวิตกกังวล การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อสายตาและสุขภาพโดยรวม และการใช้เวลามากเกินไปบนโลกออนไลน์อาจทำให้เราละเลยความสัมพันธ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในชีวิตจริง

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของตนเองและรู้จักควบคุมเวลาในการใช้งานอย่างเหมาะสม เราควรตั้งเป้าหมายในการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาควบคุมชีวิตของเรา

การลดเวลาในการใช้มือถืออาจเริ่มต้นจากการกำหนดเวลาสำหรับการเช็คอีเมลและโซเชียลมีเดียในแต่ละวัน การปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น การหากิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจทำในเวลาว่าง เช่น อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือพบปะเพื่อนฝูง นอกจากนี้ การฝึกสติ (Mindfulness) ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราตระหนักถึงปัจจุบันขณะและลดการพึ่งพาเทคโนโลยีลงได้

ท้ายที่สุดแล้ว สมาร์ทโฟนเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่ง การที่เราจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้ได้อย่างเต็มที่และหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและการตัดสินใจของเราเอง การรู้จักปรับสมดุลระหว่างโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์ จะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีสุขภาพดีในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน