คลื่นโทรทัศน์สัญญาณเสียงใช้ความถี่ช่วงใด

คลื่นเสียงแห่งจอภาพ: ความลับของความถี่คลื่นโทรทัศน์ในประเทศไทย

โลกแห่งภาพเคลื่อนไหวและเสียงอันไพเราะที่เราได้รับชมผ่านจอโทรทัศน์นั้น ล้วนอาศัยคลื่นวิทยุเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณ แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าคลื่นเหล่านั้นใช้ความถี่ช่วงใด และความแตกต่างของความถี่นั้นส่งผลต่อประสบการณ์การรับชมของเราอย่างไร?

ในประเทศไทย การออกอากาศโทรทัศน์ใช้คลื่นวิทยุในช่วงความถี่ VHF (Very High Frequency) และ UHF (Ultra High Frequency) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของระยะการส่งสัญญาณและคุณภาพสัญญาณ เปรียบเสมือนสองพาหนะที่เดินทางสู่จุดหมายเดียวกัน แต่ใช้เส้นทางและยานพาหนะที่ต่างกัน

VHF: การเดินทางไกลแต่เปราะบางต่อสภาพอากาศ

คลื่น VHF ซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วง 30-300 เมกะเฮิรตซ์ มีข้อดีเด่นคือสามารถเดินทางได้ไกลกว่า UHF ทำให้เสาส่งสัญญาณเพียงไม่กี่แห่งสามารถครอบคลุมพื้นที่รับชมได้กว้างขวาง เหมาะสำหรับการออกอากาศในพื้นที่ห่างไกลหรือภูมิประเทศที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม คลื่น VHF นั้นไวต่อสภาพอากาศ ฝนตกหนักหรือพายุอาจทำให้คุณภาพสัญญาณลดลง ภาพอาจกระตุก หรือเสียงอาจมีเสียงรบกวนได้ ดังนั้น การวางตำแหน่งเสาส่งจึงต้องคำนึงถึงภูมิประเทศและสภาพอากาศของพื้นที่นั้นๆ อย่างรอบคอบ

UHF: คุณภาพสูงแต่ระยะจำกัด

คลื่น UHF ซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วง 300-3000 เมกะเฮิรตซ์ มีความถี่สูงกว่า ส่งผลให้สามารถให้คุณภาพสัญญาณที่ดีกว่า ภาพคมชัด เสียงใส ปราศจากสัญญาณรบกวนได้มากกว่า VHF แต่ด้วยความถี่ที่สูง คลื่น UHF จึงเดินทางได้ระยะสั้นกว่า จำเป็นต้องมีเสาส่งหลายแห่งเพื่อครอบคลุมพื้นที่รับชมให้ทั่วถึง จึงเหมาะสำหรับการออกอากาศในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง เช่น ในเขตเมืองใหญ่ๆ

การผสมผสานที่ลงตัว

การใช้ทั้งคลื่น VHF และ UHF ในการออกอากาศโทรทัศน์จึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างระยะการส่งสัญญาณและคุณภาพสัญญาณ การเลือกใช้ความถี่ที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการวางแผนตำแหน่งเสาส่งอย่างเป็นระบบ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้ชมทั่วประเทศสามารถรับชมรายการโทรทัศน์ได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และนั่นคือความมหัศจรรย์เบื้องหลังภาพเคลื่อนไหวและเสียงที่เราได้รับชมกันทุกวันนี้