คลื่นใต้เสียงกับคลื่นเหนือเสียงแตกต่างกันอย่างไร

คลื่นใต้เสียงและคลื่นเหนือเสียง: มิตใหม่แห่งประสบการณ์เสียง

เราได้ยินเสียงรอบตัวมากมาย แต่เสียงที่หูของเราจับได้นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคลื่นเสียงทั้งหมดที่มีอยู่ เบื้องหลังเสียงที่เราคุ้นเคยยังมีคลื่นเสียงอีกสองประเภทที่ซ่อนอยู่ นั่นคือ “คลื่นใต้เสียง” และ “คลื่นเหนือเสียง” ซึ่งทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและกำลังถูกนำมาใช้สร้างสรรค์ประสบการณ์เสียงแบบใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างคลื่นใต้เสียงและคลื่นเหนือเสียงอยู่ที่ ความถี่ หน่วยวัดเป็นเฮิรตซ์ (Hz) ซึ่งแสดงถึงจำนวนรอบของคลื่นเสียงต่อวินาที

• คลื่นใต้เสียง (Infrasound): คือคลื่นเสียงที่มีความถี่ต่ำกว่า 20 Hz ต่ำเกินกว่าที่หูมนุษย์จะรับรู้ได้ แม้เราจะไม่ได้ยิน แต่ร่างกายของเราก็สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของคลื่นใต้เสียงได้ คลื่นชนิดนี้มักเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นทะเลขนาดใหญ่ ในทางวิทยาศาสตร์ คลื่นใต้เสียงถูกนำมาใช้ในการศึกษาโครงสร้างภายในของโลก หรือติดตามสัตว์ขนาดใหญ่เช่น วาฬ

• คลื่นเหนือเสียง (Ultrasound): คือคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงกว่า 20,000 Hz ซึ่งก็สูงเกินกว่าที่หูมนุษย์จะรับรู้ได้เช่นกัน คลื่นเหนือเสียงถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางในด้านการแพทย์ เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อดูภาพภายในร่างกาย รวมถึงในอุตสาหกรรม เช่น การทำความสะอาดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือการตรวจสอบรอยร้าวในวัสดุ

ปัจจุบัน เทคโนโลยีเสียงก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการนำความรู้เรื่องคลื่นเสียงมาประยุกต์ใช้ในการสร้างประสบการณ์เสียงรูปแบบใหม่ ลำโพงไฮเทคบางรุ่นเริ่มผสานการทำงานของคลื่นใต้เสียงและคลื่นเหนือเสียงเข้าด้วยกัน โดยใช้ คลื่นใต้เสียง ในการสร้างมิติของเสียง กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกของผู้ฟังให้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ ตื่นเต้น หรือความลึกลับ ในขณะที่ คลื่นเหนือเสียง จะถูกใช้เพื่อขับเน้นรายละเอียดของเสียงที่อยู่ในย่านความถี่สูง ทำให้เสียงแหลมคมชัด ใสกังวาน เพิ่มความสมจริงและความละเอียดของเสียงดนตรีหรือเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ

การผสมผสานเทคโนโลยีคลื่นใต้เสียงและคลื่นเหนือเสียงนี้ จึงเป็นการเปิดมิติใหม่แห่งประสบการณ์เสียง สร้างความบันเทิงที่เต็มอิ่มสมจริง เหนือกว่าการรับฟังเสียงแบบเดิมๆ และนำพาผู้ฟังเข้าสู่โลกแห่งเสียงที่ล้ำลึกยิ่งกว่าที่เคย.