ฉันจะปิดการเข้าถึงตําแหน่งใน Google ได้อย่างไร

ปิดการเข้าถึงตำแหน่งบน Google: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณ

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญยิ่ง การควบคุมการเข้าถึงตำแหน่งบนอุปกรณ์ของคุณจึงเป็นเรื่องจำเป็น Google เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่รวบรวมข้อมูลตำแหน่งผู้ใช้มากที่สุด บทความนี้จะอธิบายวิธีการปิดการเข้าถึงตำแหน่งบน Google อย่างละเอียด โดยแบ่งแยกเป็นระดับต่างๆ เพื่อให้คุณเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับความต้องการด้านความเป็นส่วนตัวของคุณมากที่สุด

1. ปิดการเข้าถึงตำแหน่งบนอุปกรณ์ (ระดับระบบ):

นี่เป็นวิธีการปิดการเข้าถึงตำแหน่งโดยรวมบนอุปกรณ์ของคุณ หมายความว่าแอปพลิเคชันทั้งหมด รวมถึงแอปของ Google จะไม่สามารถเข้าถึงตำแหน่งของคุณได้ วิธีการทำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการ:

• Android: เข้าไปที่ “การตั้งค่า” (Settings) > “ความปลอดภัยและตำแหน่ง” (Security & Location) หรือ “ตำแหน่ง” (Location) > ค้นหาตัวเลือก “การเข้าถึงตำแหน่ง” (Location Access) หรือคล้ายคลึงกัน แล้วเลือก “ปิด” (Off) หรือ “ปิดใช้งาน” (Disable)

• iOS (iPhone/iPad): เข้าไปที่ “การตั้งค่า” (Settings) > “ความเป็นส่วนตัว” (Privacy) > “บริการระบุตำแหน่ง” (Location Services) สลับปุ่ม “บริการระบุตำแหน่ง” เป็น “ปิด” (Off)

2. ปิดการเข้าถึงตำแหน่งสำหรับแอป Google เฉพาะ:

หากคุณต้องการอนุญาตให้บางแอปของ Google เข้าถึงตำแหน่งของคุณ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด คุณสามารถควบคุมการเข้าถึงได้ทีละแอป:

• Android: เข้าไปที่ “การตั้งค่า” (Settings) > “แอป” (Apps) > เลือกแอป Google ที่คุณต้องการควบคุม > “สิทธิ์” (Permissions) > “ตำแหน่ง” (Location) > เลือก “อนุญาต” (Allow), “ถามทุกครั้ง” (Ask every time) หรือ “ปฏิเสธ” (Deny)

• iOS: เข้าไปที่ “การตั้งค่า” (Settings) > “ความเป็นส่วนตัว” (Privacy) > “บริการระบุตำแหน่ง” (Location Services) > เลือกแอป Google ที่คุณต้องการควบคุม > เลือก “ไม่เคย” (Never), “ระหว่างใช้งานแอป” (While Using the App) หรือ “ตลอดเวลา” (Always)

3. ปิดการใช้ GPS สำหรับการประหยัดพลังงาน (เฉพาะ Android):

หากคุณต้องการรักษาความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงต้องการใช้ฟีเจอร์บางอย่างที่ต้องการตำแหน่งโดยประมาณ คุณสามารถปิดการใช้ GPS ความแม่นยำสูง และใช้การระบุตำแหน่งแบบคร่าวๆ แทน ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้:

ในเมนู “การเข้าถึงตำแหน่ง” (ตามขั้นตอนที่ 1) มักจะมีตัวเลือกให้เลือกวิธีการระบุตำแหน่ง เช่น “ความแม่นยำสูง” (High accuracy) “ประหยัดพลังงาน” (Battery saving) หรือ “อุปกรณ์เท่านั้น” (Device only) เลือกตัวเลือกที่ประหยัดพลังงาน ซึ่งจะใช้ข้อมูลจากเครือข่าย Wi-Fi และเสาส่งสัญญาณมือถือแทน GPS

4. ลบประวัติตำแหน่งบน Google:

แม้ว่าคุณจะปิดการเข้าถึงตำแหน่งแล้ว Google อาจยังมีประวัติตำแหน่งของคุณเก็บไว้ คุณสามารถลบประวัติตำแหน่งได้จากบัญชี Google ของคุณ:

ไปที่ myactivity.google.com และเลือกตัวเลือกที่จะลบประวัติตำแหน่ง คุณสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการลบได้

การปิดการเข้าถึงตำแหน่งเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ วิธีในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ การเรียนรู้และใช้เครื่องมือต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ดียิ่งขึ้น และอย่าลืมตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปต่างๆ ที่คุณใช้เป็นประจำด้วย