ฉันจะลบพื้นที่เก็บข้อมูลใน Google Drive ได้อย่างไร

0 การดู

เพิ่มพื้นที่ว่างใน Google Drive ได้ง่ายๆ ด้วยการลบไฟล์ที่ไม่ต้องการ เข้าสู่ drive.google.com เลือกไฟล์ที่จะลบ คลิกขวาแล้วเลือก ลบอย่างถาวร หรือเลือกไฟล์หลายๆไฟล์พร้อมกันก่อนลบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สำรองข้อมูลสำคัญไว้แล้วก่อนลบถาวร

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เคลียร์พื้นที่ Google Drive: มากกว่าแค่การลบไฟล์

Google Drive กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลของหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสำคัญ รูปภาพความทรงจำ หรือไฟล์งานต่างๆ แต่เมื่อใช้งานไปนานๆ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรี 15 GB ที่ Google มอบให้ก็อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป การลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นจึงเป็นทางออกที่หลายคนเลือกใช้ แต่ทราบหรือไม่ว่าการจัดการพื้นที่ Google Drive นั้นมีอะไรมากกว่าแค่การคลิกขวาแล้วเลือก “ลบ” ไปตลอดกาล?

บทความนี้จะเจาะลึกวิธีการเคลียร์พื้นที่ Google Drive อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างชาญฉลาด และหลีกเลี่ยงปัญหาพื้นที่เต็มในอนาคต

การลบไฟล์เบื้องต้น: จุดเริ่มต้นของการจัดการพื้นที่

วิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มพื้นที่ว่างคือการลบไฟล์ที่ไม่ต้องการออกจาก Google Drive ของคุณ วิธีการก็ตรงไปตรงมา:

  1. เข้าสู่ Google Drive: ไปที่ drive.google.com และลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ของคุณ
  2. เลือกไฟล์ที่ต้องการลบ: มองหาไฟล์ที่คุณไม่ต้องการใช้อีกต่อไป อาจเป็นเอกสารเก่า รูปภาพซ้ำ หรือไฟล์ขนาดใหญ่ที่คุณสามารถลบได้
  3. คลิกขวาแล้วเลือก “ลบ”: ไฟล์จะถูกย้ายไปที่ “ถังขยะ” (Trash) ซึ่งยังคงใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของคุณอยู่
  4. ล้างถังขยะ (Trash): เพื่อลบไฟล์อย่างถาวร ให้ไปที่ “ถังขยะ” ใน Google Drive จากนั้นคลิกที่ “ล้างถังขยะ” (Empty trash) ที่มุมบนขวาของหน้าจอ

ข้อควรจำ:

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สำรองข้อมูลสำคัญไว้ก่อนที่จะลบไฟล์อย่างถาวร
  • คุณสามารถเลือกหลายไฟล์พร้อมกันเพื่อลบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ไฟล์ที่อยู่ใน “ถังขยะ” จะถูกลบโดยอัตโนมัติหลังจาก 30 วัน

มากกว่าแค่การลบ: เทคนิคขั้นสูงในการจัดการพื้นที่ Google Drive

การลบไฟล์เป็นวิธีพื้นฐาน แต่ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้เพื่อจัดการพื้นที่ Google Drive ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น:

  • ระบุไฟล์ขนาดใหญ่: Google Drive มีเครื่องมือช่วยให้คุณค้นหาไฟล์ขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากที่สุดได้ โดยเรียงลำดับไฟล์ตามขนาดจากใหญ่ไปเล็ก ทำให้คุณสามารถพิจารณาได้ว่าไฟล์ใดควรถูกลบเป็นอันดับแรก
  • แปลงไฟล์เอกสารเป็น Google Docs, Sheets, หรือ Slides: ไฟล์เอกสาร Microsoft Office (เช่น .doc, .xls, .ppt) ที่อัปโหลดไปยัง Google Drive จะใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล แต่หากคุณแปลงไฟล์เหล่านั้นเป็น Google Docs, Sheets, หรือ Slides ไฟล์เหล่านั้นจะไม่ถูกนับรวมในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของคุณ (ยกเว้นไฟล์ที่แปลงก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2021)
  • ตรวจสอบและลบอีเมลขนาดใหญ่ใน Gmail: Google Drive, Gmail, และ Google Photos ใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลร่วมกัน การลบอีเมลที่มีไฟล์แนบขนาดใหญ่ออกจาก Gmail ก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างใน Google Drive ได้เช่นกัน
  • จัดการรูปภาพและวิดีโอใน Google Photos: เลือกที่จะอัปโหลดรูปภาพและวิดีโอในคุณภาพ “ประหยัดพื้นที่” (Storage Saver) ซึ่งจะบีบอัดไฟล์ให้เล็กลงโดยที่คุณภาพยังคงดีอยู่ ทำให้คุณสามารถจัดเก็บรูปภาพและวิดีโอได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ตรวจสอบการแชร์ไฟล์: ตรวจสอบว่าคุณได้แชร์ไฟล์ให้กับใครบ้าง หากคุณแชร์ไฟล์กับหลายคน ไฟล์นั้นอาจถูกทำสำเนาหลายครั้ง ซึ่งกินพื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยไม่จำเป็น
  • พิจารณาซื้อพื้นที่เพิ่มเติม: หากคุณต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้น และการลบไฟล์ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด คุณสามารถพิจารณาซื้อพื้นที่เพิ่มเติมจาก Google One ซึ่งมีแพ็กเกจราคาที่หลากหลายให้เลือก

สรุป

การจัดการพื้นที่ Google Drive ไม่ใช่แค่การลบไฟล์ แต่เป็นการวางแผนและบริหารจัดการข้อมูลของคุณอย่างชาญฉลาด การใช้เทคนิคต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้คุณเพิ่มพื้นที่ว่าง จัดระเบียบไฟล์ และหลีกเลี่ยงปัญหาพื้นที่เต็มในระยะยาว ทำให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก Google Drive ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น