รีบูทไอโฟนทำยังไง
วิธีรีบูต iPhone แบบบังคับ
กดปุ่มเพิ่มเสียง แล้วลดเสียง แล้วกดปุ่มด้านข้างค้างไว้ เมื่อโลโก้ Apple ปรากฏขึ้น ให้ปล่อยปุ่มด้านข้าง
รีบูต iPhone: แก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้
iPhone ของคุณก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่อยู่ในมือ การใช้งานไปนานๆ อาจทำให้เกิดอาการหน่วง อืด หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชันค้าง การรีบูตเครื่อง (Restart) จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ง่ายและได้ผลดี ที่สำคัญคือ ไม่ทำให้ข้อมูลของคุณสูญหาย!
หลายคนอาจคุ้นเคยกับการปิด-เปิดเครื่อง iPhone แบบปกติ แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกวิธีหนึ่งที่เรียกว่า “การรีบูตแบบบังคับ” (Force Restart) ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อ iPhone ของคุณค้างจนไม่สามารถสั่งการอะไรได้เลย บทความนี้จะมาเจาะลึกวิธีการรีบูต iPhone ทั้งแบบปกติและแบบบังคับ พร้อมทั้งไขข้อสงสัยว่าเมื่อไหร่ควรใช้วิธีไหน
การรีบูต iPhone แบบปกติ:
วิธีนี้เหมาะสำหรับ iPhone ที่ยังพอตอบสนองการสัมผัสได้บ้าง หาก iPhone ของคุณแค่ทำงานช้าลง หรือแอปฯ บางตัวมีปัญหา ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
- สำหรับ iPhone ที่มี Face ID (iPhone X ขึ้นไป): กดปุ่มเพิ่มเสียงหรือลดเสียงปุ่มใดปุ่มหนึ่ง พร้อมกับปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง (Power Button) ค้างไว้ จนกว่าแถบเลื่อน “Slide to Power Off” จะปรากฏขึ้น
- สำหรับ iPhone ที่มี Touch ID (iPhone 8 ลงไป): กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง (Power Button) ค้างไว้ จนกว่าแถบเลื่อน “Slide to Power Off” จะปรากฏขึ้น
- ลากแถบเลื่อนเพื่อปิดเครื่อง รอประมาณ 30 วินาที จากนั้นกดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องอีกครั้งเพื่อเปิดเครื่อง
เมื่อไหร่ที่ควรใช้การรีบูตแบบปกติ:
- iPhone ทำงานช้าลง
- แอปพลิเคชันบางตัวมีปัญหา
- หน้าจอค้างเป็นบางครั้ง
- ต้องการเคลียร์หน่วยความจำ (RAM) ของเครื่อง
การรีบูต iPhone แบบบังคับ (Force Restart):
การรีบูตแบบบังคับเป็นเหมือนการ “รีเซ็ต” ระบบปฏิบัติการของ iPhone แบบฉุกเฉิน เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ iPhone ค้างสนิท ไม่ตอบสนองต่อการสัมผัสใดๆ ทั้งสิ้น วิธีการรีบูตแบบบังคับจะแตกต่างกันไปตามรุ่นของ iPhone:
- สำหรับ iPhone 8 ขึ้นไป (รวมถึง iPhone SE รุ่นที่ 2 และ 3):
- กดปุ่มเพิ่มเสียง (Volume Up) แล้วปล่อยทันที
- กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) แล้วปล่อยทันที
- กดปุ่มด้านข้าง (Side Button) ค้างไว้ จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple ปรากฏขึ้น (อาจใช้เวลานานถึง 20 วินาที) เมื่อเห็นโลโก้ Apple แล้ว ให้ปล่อยปุ่มด้านข้างได้เลย
- สำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus: กดปุ่มลดเสียง (Volume Down) และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง (Power Button) ค้างไว้พร้อมกัน จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple ปรากฏขึ้น
- สำหรับ iPhone 6s และ iPhone SE (รุ่นที่ 1): กดปุ่ม Home และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง (Power Button) ค้างไว้พร้อมกัน จนกว่าจะเห็นโลโก้ Apple ปรากฏขึ้น
เมื่อไหร่ที่ควรใช้การรีบูตแบบบังคับ:
- iPhone ค้างสนิท ไม่ตอบสนองต่อการสัมผัสใดๆ
- หน้าจอดำมืด (Black Screen)
- ไม่สามารถปิดเครื่องด้วยวิธีปกติได้
ข้อควรจำ:
- การรีบูต iPhone ทั้งแบบปกติและแบบบังคับ ไม่ทำให้ข้อมูลของคุณสูญหาย
- หากลองรีบูตเครื่องแล้วปัญหายังไม่หาย อาจต้องพิจารณาการอัปเดต iOS หรือการรีเซ็ตเครื่อง (Factory Reset) ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลหายได้ ดังนั้นควรสำรองข้อมูล (Backup) ก่อนทำการรีเซ็ต
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการรีบูต iPhone ได้อย่างถูกต้อง และสามารถแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย หากลองทำตามวิธีเหล่านี้แล้วปัญหายังไม่หาย อาจจำเป็นต้องนำเครื่องไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบต่อไป
#รีบูทไอโฟน#รีเซ็ตไอโฟน#ไอโฟนค้างข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต