วิธีเช็คเมลว่าเป็นของใคร

4 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:

อยากรู้ว่าอีเมลมาจากที่ไหน? ลองใช้เครื่องมือตรวจสอบ SPF หรือ DKIM Record Checker ฟรี! เพียงใส่ชื่อโดเมน เช่น example.com เครื่องมือจะวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิค ช่วยให้คุณตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งที่มาอีเมล และลดความเสี่ยงจากอีเมลปลอมได้ง่ายๆ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขปริศนาอีเมล: ตามหาร่องรอยเจ้าของฉบับ (อย่างมีหลักการและปลอดภัย)

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าอย่างรวดเร็ว การได้รับอีเมลที่ไม่รู้จักไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การรู้ว่าใครคือผู้ส่งตัวจริง และอีเมลนั้นมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ กลายเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยปกป้องเราจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการหลอกลวงออนไลน์

หลายคนอาจเคยประสบปัญหาอยากรู้ว่าอีเมลฉบับหนึ่งมาจากใครกันแน่ อาจเป็นอีเมลที่ส่งมาเสนองาน, ข้อเสนอที่น่าสนใจเกินจริง, หรือแม้แต่ข้อความที่ดูน่าสงสัย การพยายามเดาจากชื่อผู้ส่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะมิจฉาชีพมักใช้ชื่อปลอมหรือแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น

บทความนี้จึงจะมาแนะนำวิธีการตรวจสอบอีเมลอย่างมีหลักการและปลอดภัย เพื่อไขปริศนาเบื้องหลังอีเมลฉบับนั้น และช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าจะตอบกลับ, คลิกที่ลิงก์, หรือเปิดไฟล์แนบหรือไม่

1. ตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานใน Header ของอีเมล:

Header คือข้อมูลส่วนหัวของอีเมลที่ซ่อนอยู่ ซึ่งบรรจุข้อมูลสำคัญ เช่น:

  • Return-Path: ที่อยู่อีเมลที่ระบบจะส่งข้อความตอบกลับ หากอีเมลส่งไม่สำเร็จ
  • Received: เส้นทางการเดินทางของอีเมลจากเซิร์ฟเวอร์หนึ่งไปยังอีกเซิร์ฟเวอร์หนึ่ง แต่ละบรรทัดแสดงถึงเซิร์ฟเวอร์ที่อีเมลผ่านเข้ามา
  • From: ที่อยู่อีเมลของผู้ส่งที่แสดง (อาจเป็นชื่อปลอมได้)
  • Reply-To: ที่อยู่อีเมลที่ระบบจะส่งข้อความตอบกลับ (อาจแตกต่างจาก From)

วิธีการดู Header อีเมล:

  • Gmail: เปิดอีเมล > คลิกที่จุดสามจุดมุมขวาบน > เลือก “Show original” (แสดงต้นฉบับ)
  • Outlook: เปิดอีเมล > File (ไฟล์) > Info (ข้อมูล) > Properties (คุณสมบัติ) > Internet headers
  • Yahoo Mail: เปิดอีเมล > More (เพิ่มเติม) > View Full Header (ดูส่วนหัวทั้งหมด)

เมื่อได้ Header มาแล้ว ให้วิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะส่วน “Received” ซึ่งจะช่วยระบุ IP Address ของเซิร์ฟเวอร์ต้นทางได้ นำ IP Address นี้ไปค้นหา (WHOIS Lookup) เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของเซิร์ฟเวอร์

ข้อควรระวัง: Header อาจถูกปลอมแปลงได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปจากการตรวจสอบ Header เพียงอย่างเดียว

2. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ SPF และ DKIM Record Checker:

SPF (Sender Policy Framework) และ DKIM (DomainKeys Identified Mail) คือระบบยืนยันตัวตนอีเมลที่ช่วยให้ผู้รับสามารถตรวจสอบได้ว่าอีเมลที่ส่งมานั้นมาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับอนุญาตจากโดเมนของผู้ส่งจริงหรือไม่ หากการตรวจสอบ SPF หรือ DKIM ล้มเหลว นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าอีเมลนั้นถูกปลอมแปลง

มีเครื่องมือออนไลน์ฟรีมากมายที่ช่วยตรวจสอบ SPF และ DKIM ได้ เพียงใส่ชื่อโดเมน (เช่น example.com) เครื่องมือจะวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคและแสดงผลลัพธ์

ตัวอย่างเครื่องมือ:

3. ตรวจสอบข้อมูล WHOIS ของโดเมน:

WHOIS คือฐานข้อมูลที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการจดทะเบียนโดเมนเนม คุณสามารถใช้เครื่องมือ WHOIS Lookup เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของโดเมน เช่น ชื่อ, ที่อยู่, และเบอร์โทรศัพท์

ข้อควรระวัง: เจ้าของโดเมนบางรายอาจเลือกที่จะซ่อนข้อมูลส่วนตัวด้วยบริการ WHOIS Privacy Protection ดังนั้นอาจไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงได้

4. ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมบน Search Engine:

นำที่อยู่อีเมลหรือชื่อโดเมนไปค้นหาบน Google หรือ Search Engine อื่นๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับผู้ส่งปรากฏอยู่หรือไม่ อาจพบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น บัญชีโซเชียลมีเดีย, เว็บไซต์, หรือแม้แต่รายงานการหลอกลวง

5. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเนื้อหาในอีเมล:

  • ไวยากรณ์และสะกดผิด: อีเมลที่มาจากบริษัทหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือมักจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของภาษาอย่างละเอียด หากพบข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์และการสะกดคำจำนวนมาก อาจเป็นสัญญาณของอีเมลหลอกลวง
  • คำขอข้อมูลส่วนตัว: ระมัดระวังอีเมลที่ขอข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน, หมายเลขบัตรเครดิต, หรือข้อมูลทางการเงินอื่นๆ บริษัทที่น่าเชื่อถือจะไม่ขอข้อมูลเหล่านี้ทางอีเมล
  • ลิงก์ที่น่าสงสัย: ตรวจสอบลิงก์ในอีเมลก่อนคลิก โดยการเลื่อนเมาส์ไปที่ลิงก์เพื่อดู URL ที่แท้จริง หาก URL ไม่ตรงกับชื่อบริษัทหรือดูน่าสงสัย อย่าคลิก
  • ไฟล์แนบที่ไม่รู้จัก: ระมัดระวังการเปิดไฟล์แนบที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะไฟล์ที่มีนามสกุล .exe, .zip, หรือ .js

ข้อควรจำ:

  • ไม่มีวิธีใดที่รับประกันได้ 100%: การตรวจสอบอีเมลเป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อประเมินความเสี่ยง ไม่มีวิธีใดที่สามารถยืนยันตัวตนของผู้ส่งได้อย่างแน่นอน
  • ระมัดระวังและสงสัยไว้ก่อน: หากอีเมลดูน่าสงสัยหรือไม่แน่ใจ ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือคลิกที่ลิงก์ใดๆ
  • รายงานอีเมลหลอกลวง: หากมั่นใจว่าอีเมลนั้นเป็นอีเมลหลอกลวง ให้รายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ThaiCERT หรือผู้ให้บริการอีเมลของคุณ

การตรวจสอบอีเมลไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยความใส่ใจและระมัดระวัง การใช้เครื่องมือและวิธีการที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้คุณสามารถไขปริศนาเบื้องหลังอีเมล และปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น