สายเบอร์ 4 รับกระแสได้กี่แอมป์

2 การดู

สายไฟเบอร์ 4 รองรับกระแสไฟได้ถึง 8,140 วัตต์ หรือ 37 แอมป์ เหมาะสำหรับใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น แอร์บ้าน, ปั๊มน้ำ, เครื่องทำน้ำอุ่น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขข้อสงสัย: สายไฟเบอร์ 4 รับกระแสได้กี่แอมป์? เรื่องที่ช่างไฟควรรู้ ผู้ใช้ไฟฟ้าควรทราบ

หลายครั้งที่เราต้องเลือกซื้อสายไฟเพื่อใช้งานภายในบ้าน หรือต่อเติมระบบไฟฟ้าต่างๆ คำถามยอดฮิตที่มักจะวนเวียนเข้ามาในหัวก็คือ “สายไฟเบอร์นี้รับกระแสได้กี่แอมป์นะ?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องการต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังวัตต์สูง การเลือกสายไฟให้เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการใช้งาน

บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงเรื่องราวของสายไฟเบอร์ 4 เพื่อไขข้อสงสัยว่าสายไฟเบอร์นี้สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้กี่แอมป์กันแน่ พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้สายไฟอย่างถูกต้อง

ทำความเข้าใจกับ “สายไฟเบอร์ 4” ก่อนอื่น

คำว่า “เบอร์ 4” ที่เราใช้เรียกสายไฟนั้น มักหมายถึงขนาดของสายไฟตามมาตรฐาน THW (Thermoplastic Heat and Water Resistant) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันในประเทศไทย สายไฟ THW เบอร์ 4 มีขนาดพื้นที่หน้าตัดตัวนำประมาณ 6 ตารางมิลลิเมตร ทำจากทองแดง หรืออะลูมิเนียม

สายไฟเบอร์ 4 รับกระแสได้กี่แอมป์?

โดยทั่วไปแล้ว สายไฟ THW เบอร์ 4 ที่ทำจาก ทองแดง จะสามารถรับกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 30-37 แอมป์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิแวดล้อม, วิธีการเดินสาย (ร้อยท่อ, เดินลอย), และมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ค่าที่ระบุไว้บนฉลากของสายไฟนั้นคือค่าสูงสุดที่สายไฟสามารถรองรับได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ควรเลือกใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่กว่ากระแสไฟฟ้าที่ใช้งานจริงเล็กน้อย (เผื่อค่า Safety Factor)

ส่วนสายไฟ THW เบอร์ 4 ที่ทำจาก อะลูมิเนียม จะสามารถรับกระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าสายทองแดงที่มีขนาดเท่ากัน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 แอมป์

ทำไมต้องรู้ว่าสายไฟรับกระแสได้เท่าไหร่?

การทราบขีดความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าของสายไฟเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ:

  • ความปลอดภัย: การใช้สายไฟที่มีขนาดเล็กเกินไปสำหรับกระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน จะทำให้สายไฟร้อนจัด จนเป็นเหตุให้ฉนวนหุ้มสายไฟละลาย เกิดการลัดวงจร และอาจลุกลามจนเกิดไฟไหม้ได้
  • ประสิทธิภาพ: การใช้สายไฟที่ไม่เหมาะสมกับกระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน อาจทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าตก ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเสียหายได้
  • อายุการใช้งาน: การใช้งานสายไฟเกินกำลังที่กำหนด จะทำให้สายไฟเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ต้องเปลี่ยนสายไฟบ่อยขึ้น

ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาในการเลือกสายไฟ

นอกเหนือจากขนาดของสายไฟแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาในการเลือกสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น:

  • ประเภทของสายไฟ: มีสายไฟหลายประเภทให้เลือกใช้ เช่น THW, VAF, NYY แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการติดตั้ง
  • ระยะทาง: ระยะทางในการเดินสายไฟก็มีผลต่อขนาดของสายไฟที่ต้องใช้ ยิ่งระยะทางไกลขึ้น ก็อาจจะต้องใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อลดแรงดันไฟฟ้าตก
  • มาตรฐานการติดตั้ง: การติดตั้งสายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน ควรปรึกษาช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญ

สรุป

สายไฟ THW เบอร์ 4 สามารถรับกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 30-37 แอมป์ (สำหรับสายทองแดง) และ 25-30 แอมป์ (สำหรับสายอะลูมิเนียม) อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเผื่อค่า Safety Factor เพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการใช้งาน หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญ เพื่อให้การติดตั้งระบบไฟฟ้าเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ก่อนทำการติดตั้ง หรือเปลี่ยนแปลงระบบไฟฟ้าใดๆ ภายในบ้าน ควรปรึกษาช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญเสมอ
  • ตรวจสอบสภาพสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติ ควรรีบแก้ไข
  • เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน และได้รับการรับรองความปลอดภัย

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้สายไฟเบอร์ 4 อย่างถูกต้องและปลอดภัย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้กับช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ