เซฟทับไฟล์เดิม Word แก้ยังไง

6 การดู

หากเผลอบันทึกทับไฟล์ Word เดิม ไม่ต้องกังวล! ลองกู้คืนเวอร์ชันก่อนหน้าโดยไปที่ ข้อมูล > ไฟล์ จากนั้นเลือกไฟล์ที่มีข้อความ (เมื่อฉันปิดโดยไม่ได้บันทึก) ในส่วน จัดการเอกสาร กด คืนค่า เพื่อเขียนทับ หรือเลือก เปรียบเทียบ เพื่อดูความแตกต่างก่อนตัดสินใจ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กู้ชีพไฟล์ Word: เมื่อพลาดพลั้งเซฟทับ!

การเซฟทับไฟล์ Word เดิมโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดใช้ หรือผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ เพียงแค่เผลอเรอไปคลิก “บันทึก” โดยไม่ได้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน งานที่ทำมาอาจสูญหายไปต่อหน้าต่อตา แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไป! บทความนี้จะนำเสนอวิธีการกู้คืนไฟล์ Word ที่ถูกเซฟทับแบบละเอียด ที่อาจแตกต่างจากที่คุณเคยเจอ และช่วยให้คุณกอบกู้ข้อมูลสำคัญกลับคืนมาได้

ทางเลือกแรก: พลังแห่งการสำรองอัตโนมัติ (AutoRecover)

Word มาพร้อมกับคุณสมบัติการสำรองอัตโนมัติ (AutoRecover) ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเสมอ วิธีนี้อาจเป็นทางออกที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด

  1. ตรวจสอบโฟลเดอร์สำรองอัตโนมัติ: โดยทั่วไปแล้ว Word จะบันทึกไฟล์สำรองอัตโนมัติไว้ในโฟลเดอร์ที่กำหนด หากคุณทราบตำแหน่งโฟลเดอร์นั้น ให้ลองเข้าไปสำรวจดู อาจจะเจอฟาิล์ที่มีชื่อคล้ายกับไฟล์ที่คุณเซฟทับ แต่มีนามสกุล .asd (AutoSave Data)
  2. ค้นหาจาก Word เอง: เปิดโปรแกรม Word แล้วไปที่แท็บ ไฟล์ (File) จากนั้นเลือก เปิด (Open) มองหาตัวเลือก กู้คืนเอกสารที่ไม่ได้บันทึก (Recover Unsaved Documents) ที่อยู่ด้านล่างสุดของหน้าต่าง Word จะแสดงรายการไฟล์ที่ถูกสำรองอัตโนมัติไว้ เลือกไฟล์ที่คุณต้องการแล้วลองเปิดดู

ทางเลือกที่สอง: พึ่งพาประวัติเวอร์ชัน (Version History)

หากคุณใช้ Microsoft 365 (หรือ Office 365) และเปิดใช้งาน OneDrive หรือ SharePoint ประวัติเวอร์ชันอาจเป็นพระเอกขี่ม้าขาวของคุณ

  1. เข้าไปที่ OneDrive หรือ SharePoint: เปิดเว็บไซต์ OneDrive หรือ SharePoint ของคุณ และนำทางไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ Word ที่ถูกเซฟทับ
  2. เลือก “ประวัติเวอร์ชัน (Version History)” หรือ “Version)” คลิกขวาที่ไฟล์นั้น แล้วเลือกตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับประวัติเวอร์ชัน (ชื่ออาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของ OneDrive/SharePoint)
  3. เลือกเวอร์ชันที่ต้องการ: คุณจะเห็นรายการเวอร์ชันของไฟล์นั้นเรียงตามวันและเวลา เลือกเวอร์ชันก่อนหน้าที่คุณเซฟทับ แล้วคลิกเพื่อดาวน์โหลดหรือกู้คืน

ทางเลือกที่สาม: ตรวจสอบไฟล์ชั่วคราว (Temporary Files)

ระบบปฏิบัติการ Windows จะสร้างไฟล์ชั่วคราวเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ระหว่างการใช้งาน ลองตรวจสอบดูว่ามีไฟล์ชั่วคราวที่เกี่ยวข้องกับไฟล์ Word ของคุณหรือไม่

  1. เปิดโฟลเดอร์ TEMP: กดปุ่ม Windows + R พิมพ์ %temp% แล้วกด Enter
  2. ค้นหาไฟล์ Word: ในโฟลเดอร์ TEMP ให้ค้นหาไฟล์ที่มีนามสกุล .tmp หรือ .wbk (Backup file) หรือไฟล์ที่มีชื่อคล้ายกับไฟล์ Word ของคุณ ลองเปิดไฟล์เหล่านั้นด้วย Word เพื่อดูว่าเป็นเวอร์ชันที่คุณต้องการหรือไม่

ข้อควรจำและข้อควรระวัง:

  • หยุดใช้งานไฟล์ทันที: หากคุณรู้ตัวว่าเซฟทับไฟล์แล้ว ให้หยุดใช้งานไฟล์นั้นทันที เพื่อป้องกันการเขียนทับข้อมูลเพิ่มเติม
  • อย่าบันทึกทับไฟล์สำรอง: หากคุณพบไฟล์สำรอง อย่าบันทึกทับไฟล์นั้นด้วยไฟล์ที่ถูกเซฟทับ
  • สำรองข้อมูลเสมอ: วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาคือการสำรองข้อมูลเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ cloud storage, external hard drive หรือวิธีการอื่นๆ
  • ระมัดระวังในการเซฟ: ตรวจสอบชื่อไฟล์และตำแหน่งที่จะบันทึกทุกครั้งก่อนกด “บันทึก” เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณกู้คืนไฟล์ Word ที่ถูกเซฟทับได้สำเร็จ! อย่าลืมว่าการป้องกันดีกว่าการแก้ไข ดังนั้น การสำรองข้อมูลและการระมัดระวังในการเซฟไฟล์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด