เปลี่ยนภูมิภาค App Store ยังไง

การเปลี่ยนภูมิภาค App Store บนอุปกรณ์ Apple

การใช้แอปพลิเคชันบน App Store มักเกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อและดาวน์โหลดแอปและเกมที่เหมาะสมกับภูมิภาคที่ใช้งานอยู่ หากต้องการใช้งานแอปพลิเคชันหรือบริการบางอย่างที่ไม่พร้อมใช้งานในภูมิภาคปัจจุบัน การเปลี่ยนภูมิภาค App Store อาจเป็นสิ่งจำเป็น

บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนการเปลี่ยนภูมิภาค App Store บนอุปกรณ์ Apple เช่น iPhone, iPad และ Apple Vision Pro อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและเนื้อหาได้หลากหลายมากขึ้น

ขั้นตอนการเปลี่ยนภูมิภาค App Store:

1. เปิดแอป การตั้งค่า: เริ่มต้นด้วยการเปิดแอป การตั้งค่า บนอุปกรณ์ของคุณ

2. เข้าสู่ส่วนตัว: แตะที่ชื่อของคุณ (ชื่อผู้ใช้งาน) ที่ด้านบนของหน้าจอ

3. เลือก สื่อและรายการที่ซื้อ: จากเมนูที่ปรากฏขึ้น เลือกตัวเลือก “สื่อและรายการที่ซื้อ”

4. เข้าถึงบัญชี: แตะที่ “บัญชี” เพื่อดูข้อมูลบัญชีของคุณ

5. เปลี่ยนประเทศ/ภูมิภาค: แตะที่ “ประเทศ/ภูมิภาค” เพื่อเข้าถึงการตั้งค่าภูมิภาค

6. เลือกประเทศ/ภูมิภาคใหม่: คลิกที่ “เลือกประเทศ/ภูมิภาคใหม่” แล้วเลือกประเทศหรือภูมิภาคที่คุณต้องการ

7. ยืนยันการเปลี่ยนแปลง: หลังจากเลือกแล้ว ระบบจะนำคุณไปยังหน้า “เปลี่ยนประเทศหรือภูมิภาค” ยืนยันว่าคุณต้องการเปลี่ยนประเทศหรือภูมิภาค โดยอาจต้องอ่านและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข

ข้อควรคำนึง:

• การเปลี่ยนแปลงภูมิภาค: การเปลี่ยนภูมิภาค App Store อาจส่งผลต่อการซื้อหรือดาวน์โหลดบางรายการ เนื่องจากมีการจำกัดเฉพาะแต่ละภูมิภาค บางแอปพลิเคชันอาจมีการจำกัดหรือข้อจำกัดบางประการ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นก่อนทำการเปลี่ยนแปลง

• การชำระเงิน: การเปลี่ยนแปลงภูมิภาคอาจส่งผลต่อการชำระเงินทาง App Store หากคุณมีการสมัครสมาชิกหรือซื้อแอปที่มีการคิดค่าบริการ การชำระเงินอาจต้องใช้รูปแบบการชำระเงินในภูมิภาคที่คุณเลือก

• ข้อมูลส่วนบุคคล: อย่าลืมตรวจสอบและยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณใน App Store ก่อนทำการเปลี่ยนภูมิภาค สิ่งสำคัญคือต้องมีข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันเพื่อประโยชน์ในการรับบริการ

โดยสรุป การเปลี่ยนภูมิภาค App Store บนอุปกรณ์ Apple นั้นทำได้ง่ายเพียงทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ข้างต้น อย่างไรก็ตาม โปรดทราบถึงข้อควรพิจารณาต่างๆ เพื่อให้การใช้งาน App Store ของคุณราบรื่นและถูกต้องตามกฎระเบียบ

หมายเหตุ: ขั้นตอนเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่น iOS หรือ iPadOS ที่คุณใช้ หากคุณมีปัญหาใดๆ โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุน Apple