แบตเตอรี่มาจากประเทศอะไร

แบตเตอรี่: จากอิตาลีสู่โลกทั้งใบ

แบตเตอรี่ อุปกรณ์จ่ายพลังงานไฟฟ้าเคมีที่เราคุ้นเคยและขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันนี้ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ แม้เราจะใช้มันจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่เบื้องหลังความสะดวกสบายนี้คือวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ที่สั่งสมมาหลายศตวรรษ เริ่มต้นจากการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ผู้วางรากฐานให้กับเทคโนโลยีนี้

จุดเริ่มต้นของแบตเตอรี่ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันสามารถย้อนกลับไปได้ถึงปี ค.ศ. 1800 ณ เมืองโคโม ประเทศอิตาลี โดย อเลสซานโดร โวลตา นักฟิสิกส์ชาวอิตาลีผู้สร้าง “voltaic pile” หรือแบตเตอรี่โวลตาอิก ซึ่งถือเป็นแบตเตอรี่ไฟฟ้าเคมีก้อนแรกของโลก โดยการเรียงแผ่นสังกะสีและทองแดงสลับกัน คั่นด้วยกระดาษชุบน้ำเกลือ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาได้อย่างต่อเนื่อง นี่เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้มนุษย์สามารถควบคุมและใช้งานกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการปูทางให้เกิดนวัตกรรมทางไฟฟ้าอีกมากมายในภายหลัง

แม้ อเลสซานโดร โวลตา จะเป็นผู้สร้างแบตเตอรี่ก้อนแรก แต่คำว่า “แบตเตอรี่ (Battery)” กลับถูกบัญญัติขึ้นก่อนหน้านั้นโดย เบนจามิน แฟรงคลิน รัฐบุรุษและนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี ค.ศ. 1748 แฟรงคลินใช้คำนี้เพื่ออธิบายกลุ่มของตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกัน เพื่อเพิ่มความจุไฟฟ้า โดยเปรียบเทียบการทำงานร่วมกันของตัวเก็บประจุเหล่านี้เหมือนกับการทำงานร่วมกันของปืนใหญ่หลายกระบอก หรือ “แบตเตอรี่” ในทางทหาร

นับตั้งแต่การค้นพบของโวลตา แบตเตอรี่ได้ผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากแบตเตอรี่โวลตาอิกยุคแรก สู่แบตเตอรี่แบบตะกั่วกรด แบตเตอรี่นิกเกิล-แคดเมียม แบตเตอรี่นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน และแบตเตอรี่แบบอื่นๆ อีกมากมาย แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก ยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่

ดังนั้น หากจะถามว่าแบตเตอรี่มาจากประเทศอะไร คำตอบที่ครอบคลุมที่สุดคือ แนวคิดและการพัฒนาแบตเตอรี่เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศ โดยมีจุดเริ่มต้นสำคัญที่ประเทศอิตาลี จากผลงานของ อเลสซานโดร โวลตา และได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโลกสมัยใหม่.