โครงสร้างของเว็บไซต์ มีกี่ส่วน อะไรบ้าง

2 การดู

หน้าเว็บเพจประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ เฮดเดอร์ (ส่วนหัว) ที่มักมีโลโก้และเมนู, บอดี้ (เนื้อหา) ที่บรรจุข้อมูลหลักของหน้า และฟูเตอร์ (ส่วนท้าย) ที่มีข้อมูลการติดต่อและลิขสิทธิ์ ตัวอย่างเช่น เฮดเดอร์อาจเป็นโลโก้ร้านอาหาร บอดี้เป็นเมนูอาหาร และฟูเตอร์เป็นที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โครงสร้างเว็บไซต์: มากกว่าแค่สามส่วนพื้นฐาน

แม้ว่าหน้าเว็บเพจแบบพื้นฐานจะประกอบด้วยสามส่วนหลักอย่างที่กล่าวคือ เฮดเดอร์ (Header), บอดี้ (Body), และ ฟูเตอร์ (Footer) แต่โครงสร้างของเว็บไซต์ที่สมบูรณ์นั้นซับซ้อนกว่ามาก การมองเพียงสามส่วนนี้จึงเป็นเพียงการมองภาพรวมแบบผิวเผิน โครงสร้างที่แท้จริงนั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเว็บไซต์ ขนาด และวัตถุประสงค์ เราสามารถแบ่งโครงสร้างออกเป็นหลายระดับ โดยเริ่มจากระดับมุมมองผู้ใช้ไปจนถึงระดับโครงสร้างเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่

1. ระดับการนำเสนอ (Presentation Layer): นี่คือสิ่งที่ผู้ใช้เห็นและมีปฏิสัมพันธ์ด้วยโดยตรง ประกอบด้วย:

  • เฮดเดอร์ (Header): ส่วนหัวของหน้าเว็บ มักประกอบด้วยโลโก้แบรนด์ เมนูหลักสำหรับการนำทาง และอาจมีช่องค้นหา แถบการแจ้งเตือน หรือองค์ประกอบอื่นๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว การออกแบบเฮดเดอร์ควรคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานและความสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์

  • แถบนำทาง (Navigation Bar): อาจแยกออกจากเฮดเดอร์หรือรวมอยู่ด้วย ทำหน้าที่เป็นแผนที่นำทางผู้ใช้ไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ อาจเป็นเมนูดรอปดาวน์ เมนูแนวนอน หรือเมนูแบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ

  • บอดี้ (Body): ส่วนหลักของหน้าเว็บที่บรรจุเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การจัดวางองค์ประกอบในบอดี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ควรคำนึงถึงความสมดุล ความสอดคล้อง และความง่ายในการอ่าน

  • ฟูเตอร์ (Footer): ส่วนท้ายของหน้าเว็บ มักมีลิขสิทธิ์ ข้อมูลการติดต่อ นโยบายความเป็นส่วนตัว แผนผังเว็บไซต์ และลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดีย เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้

  • ไซด์บาร์ (Sidebar): (บางเว็บไซต์) มักอยู่ด้านข้างของบอดี้ ใช้สำหรับแสดงข้อมูลเพิ่มเติม เช่น บทความที่เกี่ยวข้อง โฆษณา หรือเมนูย่อย

2. ระดับโครงสร้างข้อมูล (Data Layer): เป็นโครงสร้างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการนำเสนอ จัดการข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างหน้าเว็บต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น ฐานข้อมูล API และระบบจัดการเนื้อหา (CMS)

3. ระดับโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Layer): เป็นระดับลึกสุดที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเซิร์ฟเวอร์ โดเมนเนม ระบบรักษาความปลอดภัย และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทำให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยสรุปแล้ว โครงสร้างของเว็บไซต์ไม่ได้มีเพียงแค่สามส่วนอย่างที่คิด แต่ประกอบด้วยหลายระดับ หลายองค์ประกอบ ที่ทำงานประสานกันเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีจะต้องคำนึงถึงทั้งความสวยงาม ประสิทธิภาพ และความสะดวกในการใช้งาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเว็บไซต์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้า การให้บริการ หรือการแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร