ไอโฟนกันน้ำได้กี่ชั่วโมง

0 การดู

iPhone รุ่นใหม่ๆ มีคุณสมบัติทนน้ำได้ดี แต่ไม่ใช่สำหรับการดำน้ำลึกเป็นเวลานาน ควรระวังการสัมผัสกับน้ำทะเลหรือของเหลวอื่นๆ ที่อาจกัดกร่อน และการกันน้ำอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมกับ Apple Support เพื่อความมั่นใจ.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

iPhone ทนน้ำได้จริงหรือ? ไขข้อสงสัยเรื่อง iPhone กับการสัมผัสน้ำ

iPhone รุ่นใหม่ๆ ได้เข้ามาปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนในหลายด้าน และหนึ่งในคุณสมบัติที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ความสามารถในการทนน้ำ แต่คำถามคือ iPhone ทนน้ำได้จริงแค่ไหน? และนานแค่ไหนถึงจะเรียกว่า “นานเกินไป”? บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลเชิงลึกที่คุณอาจยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติการกันน้ำของ iPhone

iPhone กันน้ำ… แต่ไม่ใช่ “กันน้ำแบบถาวร”

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ iPhone ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ “กันน้ำ” อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเพียง “ทนน้ำ” เท่านั้น นั่นหมายความว่า iPhone สามารถทนต่อการกระเซ็นน้ำ น้ำฝน หรือการจมน้ำในระดับความลึกและระยะเวลาที่กำหนดได้ โดยคุณสมบัติการทนน้ำนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นของ iPhone

มาตรฐาน IP: ตัววัดความสามารถในการทนน้ำ

Apple ใช้มาตรฐาน IP (Ingress Protection) เพื่อระบุระดับการป้องกันของ iPhone ต่อของแข็ง (ฝุ่น) และของเหลว (น้ำ) โดยทั่วไปแล้ว iPhone รุ่นใหม่ๆ จะมีมาตรฐาน IP67 หรือ IP68 ซึ่งหมายความว่า:

  • IP67: สามารถทนต่อการจมน้ำในความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที
  • IP68: สามารถทนต่อการจมน้ำในความลึกสูงสุดที่ระบุ (แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น) เป็นเวลา 30 นาที

ระยะเวลาที่ iPhone ทนน้ำได้ ขึ้นอยู่กับอะไร?

แม้ว่า iPhone จะมีมาตรฐาน IP ที่ระบุไว้ แต่ระยะเวลาที่ iPhone สามารถทนน้ำได้จริง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

  • รุ่นของ iPhone: iPhone รุ่นใหม่กว่า มักจะมีคุณสมบัติการทนน้ำที่ดีกว่า
  • สภาพของ iPhone: iPhone ที่เคยตกกระแทก อาจมีการแตกร้าวเล็กๆ ที่ทำให้คุณสมบัติการทนน้ำลดลง
  • ชนิดของของเหลว: น้ำจืดโดยทั่วไปจะไม่ทำลาย iPhone มากเท่ากับน้ำทะเล น้ำคลอรีน หรือของเหลวอื่นๆ ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
  • แรงดันน้ำ: การอยู่ในสระว่ายน้ำลึก หรือการดำน้ำ จะสร้างแรงดันน้ำที่สูงกว่าการจมน้ำในอ่างอาบน้ำ ซึ่งอาจทำให้ iPhone เสียหายได้

ข้อควรระวัง: สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาสภาพการทนน้ำของ iPhone

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำทะเล น้ำคลอรีน หรือของเหลวอื่นๆ ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน: หาก iPhone สัมผัสกับของเหลวเหล่านี้ ควรรีบล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งทันที
  • หลีกเลี่ยงการดำน้ำลึก หรือการใช้งาน iPhone ในสระว่ายน้ำเป็นเวลานาน: แม้ว่า iPhone จะมีมาตรฐาน IP68 แต่การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันน้ำสูง อาจทำให้ iPhone เสียหายได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้ iPhone ในขณะที่เครื่องเปียก: พยายามเช็ด iPhone ให้แห้งสนิทก่อนใช้งาน โดยเฉพาะบริเวณช่องเสียบสายชาร์จและช่องใส่ซิมการ์ด
  • ระวังการตกกระแทก: การตกกระแทกอาจทำให้คุณสมบัติการทนน้ำของ iPhone ลดลง
  • อย่าพยายามทำให้ iPhone แห้งโดยใช้ความร้อน: การใช้ไดร์เป่าผม หรือการนำ iPhone ไปตากแดด อาจทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหายได้

การเสื่อมสภาพตามกาลเวลา:

สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ คุณสมบัติการทนน้ำของ iPhone จะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการซีลเครื่องอาจเสื่อมสภาพ หรือเกิดการสึกหรอจากการใช้งาน ดังนั้น แม้ว่า iPhone ของคุณจะสามารถทนน้ำได้ในตอนแรก แต่ก็อาจไม่สามารถทนน้ำได้ดีเท่าเดิมเมื่อใช้งานไปนานๆ

สรุป:

iPhone รุ่นใหม่ๆ มีคุณสมบัติทนน้ำได้ดี แต่ไม่ใช่ “กันน้ำ” อย่างสมบูรณ์แบบ การใช้งาน iPhone ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น หรือการจมน้ำ ควรทำด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับของเหลวที่อาจกัดกร่อน นอกจากนี้ คุณสมบัติการทนน้ำของ iPhone จะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นการดูแลรักษา iPhone อย่างเหมาะสม จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาสภาพการทนน้ำของ iPhone ให้ได้นานที่สุด

คำแนะนำเพิ่มเติม:

หากคุณกังวลเกี่ยวกับคุณสมบัติการทนน้ำของ iPhone คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลจำเพาะของรุ่น iPhone ของคุณได้จากเว็บไซต์ของ Apple หรือติดต่อ Apple Support เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม