ไอโฟนปิดการโทรเข้ายังไง

ปิดกั้นสายโทรศัพท์ที่ไม่พึงประสงค์บน iPhone: วิธีการง่ายๆ ที่คุณควรรู้

ในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ การรับสายโทรศัพท์ที่ไม่พึงประสงค์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก หรือแม้แต่จากผู้ติดต่อที่คุณไม่ต้องการรับสายอีกต่อไป กลายเป็นเรื่องน่ารำคาญอย่างยิ่ง iPhone มีฟีเจอร์ที่ทรงประสิทธิภาพช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย บทความนี้จะแนะนำวิธีการปิดกั้นสายโทรเข้าจากหมายเลขใดๆ บน iPhone ของคุณอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถควบคุมการสื่อสารของคุณได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดคือการปิดกั้นหมายเลขโทรศัพท์โดยตรงจากแอปพลิเคชั่น “โทรศัพท์” ขั้นตอนมีดังนี้:

1. เปิดแอป “โทรศัพท์”: ค้นหาและแตะที่ไอคอนแอปพลิเคชั่น “โทรศัพท์” บนหน้าจอหลักของคุณ

2. เลือกผู้ติดต่อหรือหมายเลขที่ต้องการปิดกั้น: หากเป็นหมายเลขที่เคยติดต่อกับคุณมาก่อน ให้ไปที่แท็บ “ล่าสุด” แล้วเลือกหมายเลขที่ต้องการปิดกั้น หากเป็นหมายเลขใหม่ที่คุณไม่เคยบันทึกไว้ ให้ค้นหาหมายเลขนั้นในแท็บ “คีย์แพด” และทำการโทรออกก่อน (คุณสามารถวางสายได้ทันทีหลังจากการโทรออก) จากนั้นจึงดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

3. เข้าสู่หน้ารายละเอียดผู้ติดต่อ: หลังจากเลือกหมายเลขโทรศัพท์แล้ว คุณจะเข้าสู่หน้ารายละเอียดผู้ติดต่อ หน้าจอนี้จะแสดงประวัติการโทร ข้อมูลผู้ติดต่อ (หากมีการบันทึกไว้) และตัวเลือกอื่นๆ

4. เลือก “ปิดกั้นผู้โทรรายนี้”: เลื่อนลงไปที่ด้านล่างของหน้าจอ คุณจะพบตัวเลือก “ปิดกั้นผู้โทรรายนี้” หรือคำที่คล้ายคลึงกัน แตะที่ตัวเลือกนี้

5. ยืนยันการปิดกั้น: ระบบอาจจะขอให้คุณยืนยันการปิดกั้นอีกครั้ง แตะที่ปุ่ม “ปิดกั้นรายชื่อ” หรือคำสั่งที่คล้ายคลึงกันเพื่อดำเนินการต่อ

เพียงเท่านี้ หมายเลขโทรศัพท์ที่คุณเลือกก็จะถูกปิดกั้นแล้ว หมายความว่าหมายเลขนั้นจะไม่สามารถโทรเข้าหาคุณได้อีกต่อไป และข้อความ SMS จากหมายเลขดังกล่าวก็จะถูกบล็อกเช่นกัน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถปิดกั้นหมายเลขโทรศัพท์ได้จากแอปพลิเคชั่น “การตั้งค่า” โดยเข้าไปที่ “โทรศัพท์” > “ปิดกั้นผู้โทรและหมายเลข ID” แต่สำหรับวิธีนี้จะซับซ้อนกว่า เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการจัดการรายชื่อผู้ติดต่อที่ถูกบล็อกเป็นจำนวนมาก

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้คุณสามารถจัดการการโทรเข้าที่ไม่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน iPhone ของคุณ

หมายเหตุ: บทความนี้เขียนขึ้นโดยใช้ข้อมูล ณ วันที่เขียน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในอนาคต โปรดอ้างอิงคู่มือผู้ใช้ iPhone ของคุณสำหรับข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด