ไอโฟนหายหาตำแหน่งยังไง

ไอโฟนหาย ไม่ต้องตกใจ! วิธีตามหาตำแหน่งง่ายๆ ในยุคดิจิทัล

โทรศัพท์มือถือเปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 ของคนยุคนี้ ข้อมูลส่วนตัว การติดต่อสื่อสาร ไปจนถึงธุรกรรมทางการเงิน ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ขนาดเล็กนี้ การสูญเสีย iPhone จึงเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน แต่ข่าวดีก็คือ Apple ได้พัฒนาเครื่องมือและระบบที่ช่วยให้เราสามารถติดตามและค้นหา iPhone ที่หายไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุ มาดูกันว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างเมื่อ iPhone ของคุณหายไป

เตรียมพร้อมก่อนหาย: การตั้งค่าที่ควรรู้

ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นตอนการตามหา iPhone ที่หายไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาอุปกรณ์กลับคืนมา สิ่งที่คุณควรทำคือ:

• เปิดใช้งาน “ค้นหา iPhone ของฉัน” (Find My iPhone): ฟีเจอร์นี้คือหัวใจหลักในการตามหา iPhone ที่หายไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานฟังก์ชันนี้แล้ว โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) > [ชื่อของคุณ] > ค้นหาของฉัน (Find My) > ค้นหา iPhone ของฉัน (Find My iPhone) และเปิดสวิตช์ทั้งหมด
• เปิดใช้งาน “ส่งตำแหน่งที่ตั้งล่าสุด” (Send Last Location): ฟีเจอร์นี้จะช่วยส่งตำแหน่งสุดท้ายของ iPhone ไปยัง Apple ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด ทำให้คุณมีข้อมูลสำคัญในการติดตาม
• ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายาก: การตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่งจะช่วยป้องกันบุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้
• เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (Two-Factor Authentication): เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นด้วยการยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณ

iPhone หายแล้ว! จะตามหาได้ยังไง?

เมื่อรู้ตัวว่า iPhone หายไป ไม่ต้องตกใจ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหา:

1. ลองนึกทบทวน: เริ่มจากการนึกทบทวนว่าคุณใช้ iPhone ล่าสุดเมื่อไหร่ และที่ไหน อาจจะลองถามคนรอบข้างว่าเห็น iPhone ของคุณหรือไม่ บางครั้ง iPhone อาจจะแค่หล่นอยู่ในกระเป๋า หรือวางลืมไว้แถวนั้นเอง

2. ใช้ Apple Watch (ถ้ามี): หากคุณมี Apple Watch ที่เชื่อมต่อกับ iPhone ของคุณ คุณสามารถใช้ Watch เพื่อส่งเสียงไปยัง iPhone ได้ โดยปัดขึ้นจากหน้าปัดนาฬิกาเพื่อเปิด Control Center แล้วแตะที่ไอคอนรูปโทรศัพท์ที่มีคลื่นเสียง หาก iPhone อยู่ใกล้ๆ คุณจะได้ยินเสียงและสามารถตามหาได้ง่ายขึ้น

3. ใช้แอป “ค้นหาของฉัน” (Find My):

   • บนอุปกรณ์ Apple อื่น: เปิดแอป “ค้นหาของฉัน” บน iPad, iPod touch หรือ Mac ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID เดียวกันกับ iPhone ที่หายไป
   • บนอุปกรณ์ของเพื่อนหรือคนในครอบครัว: ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ใช้ iPhone, iPad หรือ iPod touch เปิดแอป “ค้นหาของฉัน” แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ
   • ค้นหาตำแหน่ง: ในแอป “ค้นหาของฉัน” เลือกแท็บ “อุปกรณ์” (Devices) แล้วเลือก iPhone ที่หายไป หาก iPhone เปิดอยู่และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ตำแหน่งที่ตั้งล่าสุดจะปรากฏบนแผนที่
   • เล่นเสียง: หาก iPhone อยู่ใกล้ๆ ให้เลือก “เล่นเสียง” (Play Sound) เพื่อให้ iPhone ส่งเสียงดังออกมา ช่วยให้คุณหาเจอได้ง่ายขึ้น
   • ทำเครื่องหมายว่าสูญหาย (Mark as Lost): หาก iPhone อยู่ไกล ให้เลือก “ทำเครื่องหมายว่าสูญหาย” (Mark as Lost) ซึ่งจะ:
     • ล็อก iPhone ด้วยรหัสผ่านของคุณ
     • แสดงข้อความบนหน้าจอพร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ เพื่อให้คนที่เจอสามารถติดต่อคุณได้
     • ปิดการใช้งาน Apple Pay เพื่อป้องกันการใช้จ่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
   • ลบข้อมูลจากระยะไกล (Erase iPhone): หากคุณกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหล คุณสามารถลบข้อมูลทั้งหมดออกจาก iPhone ได้จากระยะไกล แต่ควรทำเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะหลังจากลบข้อมูลแล้ว คุณจะไม่สามารถติดตาม iPhone ผ่าน “ค้นหาของฉัน” ได้อีก

4. ใช้ iCloud.com:

   • ไปที่ iCloud.com บนคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ของคุณ
   • คลิกที่ “ค้นหา iPhone” (Find iPhone)
   • เลือก iPhone ที่หายไปจากรายการ “อุปกรณ์ทั้งหมด” (All Devices)
   • ทำตามขั้นตอนเดียวกับในแอป “ค้นหาของฉัน” เช่น เล่นเสียง, ทำเครื่องหมายว่าสูญหาย, หรือลบข้อมูลจากระยะไกล

5. แจ้งความกับตำรวจ (ถ้าจำเป็น): หากคุณเชื่อว่า iPhone ถูกขโมย หรือมีเหตุผลที่ต้องแจ้งความ ให้แจ้งความกับตำรวจในพื้นที่

ข้อควรจำ:

• ระมัดระวังมิจฉาชีพ: อย่าหลงเชื่อข้อความหรืออีเมลที่อ้างว่าเป็น Apple และขอให้คุณใส่ Apple ID หรือรหัสผ่านของคุณ มิจฉาชีพอาจพยายามหลอกล่อคุณให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
• ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่าย: หากคุณไม่สามารถหา iPhone ได้ คุณอาจต้องการติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณเพื่อปิดการใช้งานซิมการ์ด เพื่อป้องกันการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต

การสูญเสีย iPhone เป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจ แต่ด้วยเครื่องมือและขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น คุณก็สามารถเพิ่มโอกาสในการค้นหา iPhone กลับคืนมาได้อย่างแน่นอน อย่าลืมตั้งค่า “ค้นหา iPhone ของฉัน” และเตรียมพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อความอุ่นใจในทุกสถานการณ์