Google Sheet ใส่สูตรยังไง

2 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:

Google Sheets ช่วยให้คุณสร้างสูตรคำนวณได้อย่างง่ายดายบนมือถือ! เพียงแตะเซลล์ที่ต้องการ จากนั้นเลือก ฟังก์ชัน เพื่อเรียกดูหมวดหมู่และฟังก์ชันที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลรวม ค่าเฉลี่ย หรือสูตรซับซ้อน ก็ทำได้ง่ายๆ บนปลายนิ้วของคุณ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปลดล็อกพลังการคำนวณบนมือถือ: คู่มือการใส่สูตรใน Google Sheets ฉบับมือโปร (ฉบับพกพา)

Google Sheets ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกต่อไป ด้วยแอปพลิเคชันบนมือถือ คุณสามารถสร้าง แก้ไข และคำนวณสูตรต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีการใส่สูตรใน Google Sheets บนมือถือ พร้อมเคล็ดลับและลูกเล่นที่จะช่วยให้คุณปลดล็อกศักยภาพของการคำนวณบนปลายนิ้วของคุณ

เริ่มต้นง่ายๆ: การใส่สูตรพื้นฐาน

  1. เลือกเซลล์: แตะที่เซลล์ที่คุณต้องการให้แสดงผลลัพธ์ของสูตร
  2. เข้าสู่โหมดแก้ไข: แตะที่เซลล์อีกครั้งเพื่อเปิดคีย์บอร์ดและแถบสูตร
  3. พิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ (=): นี่คือจุดเริ่มต้นของสูตรทุกสูตรใน Google Sheets
  4. ป้อนสูตร: พิมพ์สูตรที่ต้องการโดยตรง หรือใช้ฟังก์ชันที่มีให้ในแอป
  5. ยืนยัน: แตะเครื่องหมายถูก (✓) บนแถบสูตร หรือกด Enter บนคีย์บอร์ด เพื่อบันทึกสูตร

ตัวอย่างสูตรพื้นฐาน:

  • การบวก: =A1+B1 (ผลรวมของค่าในเซลล์ A1 และ B1)
  • การลบ: =A1-B1 (ค่าในเซลล์ A1 ลบด้วยค่าในเซลล์ B1)
  • การคูณ: =A1*B1 (ค่าในเซลล์ A1 คูณด้วยค่าในเซลล์ B1)
  • การหาร: =A1/B1 (ค่าในเซลล์ A1 หารด้วยค่าในเซลล์ B1)

สำรวจคลังฟังก์ชัน: ทางลัดสู่การคำนวณที่ซับซ้อน

Google Sheets บนมือถือมีฟังก์ชันมากมายให้เลือกใช้ ช่วยให้คุณสามารถทำการคำนวณที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว

  1. แตะเซลล์ที่ต้องการ: เลือกเซลล์ที่คุณต้องการให้แสดงผลลัพธ์
  2. แตะ “ฟังก์ชัน” (ƒx): ปุ่มนี้จะอยู่ในแถบเครื่องมือด้านล่าง (อาจต้องเลื่อนหากมองไม่เห็น)
  3. เลือกหมวดหมู่: ฟังก์ชันถูกจัดกลุ่มตามหมวดหมู่ เช่น “คณิตศาสตร์”, “ข้อความ”, “วันที่” เป็นต้น
  4. เลือกฟังก์ชันที่ต้องการ: แตะที่ชื่อฟังก์ชันเพื่อแทรกเข้าไปในสูตร
  5. ป้อนอาร์กิวเมนต์: ทำตามคำแนะนำที่แสดงบนหน้าจอเพื่อป้อนค่าที่จำเป็นสำหรับฟังก์ชัน (เช่น ช่วงของเซลล์, เงื่อนไข, ฯลฯ)
  6. ยืนยัน: แตะเครื่องหมายถูก (✓) เพื่อบันทึกสูตร

ตัวอย่างฟังก์ชันที่น่าสนใจ:

  • SUM: =SUM(A1:A10) (ผลรวมของค่าในเซลล์ A1 ถึง A10)
  • AVERAGE: =AVERAGE(B1:B5) (ค่าเฉลี่ยของค่าในเซลล์ B1 ถึง B5)
  • IF: =IF(C1>10, "ผ่าน", "ไม่ผ่าน") (ถ้าค่าในเซลล์ C1 มากกว่า 10 จะแสดงคำว่า “ผ่าน” มิฉะนั้นจะแสดงคำว่า “ไม่ผ่าน”)
  • COUNT: =COUNT(D1:D20) (จำนวนเซลล์ที่มีตัวเลขอยู่ในช่วง D1 ถึง D20)

เคล็ดลับและลูกเล่น:

  • การอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์: ใช้เครื่องหมาย $ เพื่อล็อคแถวหรือคอลัมน์ (หรือทั้งสองอย่าง) ในการอ้างอิงเซลล์ เช่น $A1 (ล็อคคอลัมน์ A), A$1 (ล็อคแถว 1), $A$1 (ล็อคทั้งคอลัมน์ A และแถว 1) การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่นได้โดยไม่ต้องกังวลว่าการอ้างอิงจะเปลี่ยนไป
  • การเติมสูตรอัตโนมัติ: หลังจากป้อนสูตรในเซลล์หนึ่งแล้ว คุณสามารถลากจุดเล็กๆ ที่มุมล่างขวาของเซลล์นั้น เพื่อคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว (สูตรจะปรับการอ้างอิงเซลล์ให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ)
  • การใช้ชื่อช่วง: กำหนดชื่อให้กับช่วงของเซลล์เพื่อให้อ้างอิงได้ง่ายขึ้น เช่น แทนที่จะใช้ A1:A10 คุณสามารถตั้งชื่อช่วงนั้นว่า “ยอดขาย” แล้วใช้สูตร SUM(ยอดขาย) ได้เลย
  • การตรวจสอบข้อผิดพลาด: หากสูตรของคุณไม่ทำงาน ให้ตรวจสอบข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่ Google Sheets แสดงให้ละเอียด อาจมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย เช่น วงเล็บไม่ครบ หรือการอ้างอิงเซลล์ผิดพลาด

สรุป

การใส่สูตรใน Google Sheets บนมือถือไม่ได้ยากอย่างที่คิด ด้วยเครื่องมือและฟังก์ชันที่มีให้ คุณสามารถทำการคำนวณต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ลองฝึกฝนและทดลองใช้สูตรต่างๆ เพื่อปลดล็อกศักยภาพของ Google Sheets บนมือถือของคุณ และทำให้การทำงานกับข้อมูลเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น!