Int ทำหน้าที่อะไร

ฟังก์ชัน int() ใน Python

ฟังก์ชัน int() ใน Python ใช้แปลงข้อมูลประเภทต่างๆ ให้เป็นจำนวนเต็ม ซึ่งอาจได้มาจากตัวแปร ข้อมูลอินพุตจากผู้ใช้ หรือค่าอื่นๆ ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์อย่างมากในการแปลงข้อมูลที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบจำนวนเต็มให้เป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับการคำนวณทางคณิตศาสตร์

วิธีการทำงาน

ฟังก์ชัน int() รับอาร์กิวเมนต์ได้หนึ่งตัว ซึ่งคือข้อมูลที่ต้องการแปลงเป็นจำนวนเต็ม ฟังก์ชันจะพยายามแปลงข้อมูลนี้ตามกฎต่อไปนี้:

• หากข้อมูลเป็นสตริงที่ประกอบด้วยตัวเลขล้วน ฟังก์ชันจะแปลงสตริงนั้นเป็นจำนวนเต็มตามระบบเลขฐานสิบ
• หากข้อมูลเป็นค่าทศนิยม ฟังก์ชันจะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด
• หากข้อมูลเป็นค่าบูลีน True จะถูกแปลงเป็น 1 และ False จะถูกแปลงเป็น 0
• หากข้อมูลไม่สามารถแปลงเป็นจำนวนเต็มได้ ฟังก์ชันจะส่งคืนข้อผิดพลาด ValueError

ตัวอย่างการใช้งาน

ด้านล่างนี้คือตัวอย่างการใช้งานทั่วไปของฟังก์ชัน int():

# แปลงสตริงเป็นจำนวนเต็ม
num_str = "123"
num_int = int(num_str)  # num_int จะมีค่าเท่ากับ 123

# แปลงค่าทศนิยมเป็นจำนวนเต็ม
num_float = 3.14
num_int = int(num_float)  # num_int จะมีค่าเท่ากับ 3

# แปลงค่าบูลีนเป็นจำนวนเต็ม
is_true = True
num_int = int(is_true)  # num_int จะมีค่าเท่ากับ 1

ข้อควรระวัง

โปรดจำไว้ว่าฟังก์ชัน int() จะแปลงเฉพาะข้อมูลที่สามารถแปลงเป็นจำนวนเต็มได้ หากข้อมูลไม่สามารถแปลงได้ จะเกิดข้อผิดพลาด ValueError ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลสามารถแปลงเป็นจำนวนเต็มได้หรือไม่ก่อนที่จะใช้ฟังก์ชัน int()

นอกจากนี้ ฟังก์ชัน int() ไม่สามารถแปลงข้อมูลที่มีเครื่องหมายจุลภาคหรือตัวคั่นหลักพันได้ หากคุณต้องการแปลงข้อมูลเหล่านี้ ให้ลบเครื่องหมายดังกล่าวออกก่อนแล้วจึงใช้ฟังก์ชัน int()