IPhone รุ่นไหนใส่ eSIM ได้

2 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

หากคุณกำลังมองหา iPhone ที่รองรับ eSIM คู่ iPhone SE (รุ่นที่ 3) และ iPhone 13 ขึ้นไปเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ รุ่นเหล่านี้ช่วยให้คุณใช้งานสองหมายเลขโทรศัพท์ได้พร้อมกัน เพิ่มความสะดวกสบายในการจัดการชีวิตส่วนตัวและเรื่องงาน หรือใช้ซิมในประเทศและต่างประเทศได้ง่ายดาย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

iPhone รุ่นไหนที่มาพร้อมกับ eSIM: อิสระแห่งการเชื่อมต่อสองซิมบนมือถือคุณ

ในยุคที่การเชื่อมต่อเป็นสิ่งสำคัญ การมี iPhone ที่รองรับ eSIM (embedded SIM) คือทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการหมายเลขโทรศัพท์หลายเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว, ใช้ซิมในประเทศควบคู่ไปกับซิมต่างประเทศขณะเดินทาง, หรือเพียงแค่ต้องการสำรองข้อมูลมือถือไว้ในกรณีที่ซิมหลักมีปัญหา

แต่ iPhone รุ่นไหนบ้างที่รองรับเทคโนโลยี eSIM? บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อให้คุณเลือก iPhone ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัว

iPhone รุ่นที่รองรับ eSIM:

หากคุณกำลังมองหา iPhone ที่รองรับ eSIM คู่ (Dual SIM) เพื่อใช้งานสองหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกันบนเครื่องเดียว ตัวเลือกของคุณจะเริ่มตั้งแต่:

  • iPhone XR: รุ่นนี้เป็น iPhone รุ่นแรกที่รองรับ eSIM แต่ต้องใช้งานร่วมกับ Nano-SIM (Physical SIM)
  • iPhone XS และ iPhone XS Max: เช่นเดียวกับ iPhone XR, รุ่นเหล่านี้รองรับ eSIM ควบคู่ไปกับ Nano-SIM
  • iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max: ยังคงรองรับการใช้งาน eSIM คู่กับ Nano-SIM
  • iPhone SE (รุ่นที่ 2): แม้จะเป็น iPhone SE รุ่นที่ 2 (ปี 2020) ก็ยังรองรับ eSIM คู่กับ Nano-SIM เช่นกัน
  • iPhone 12 Mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max: รุ่นเหล่านี้ยังคงรองรับ eSIM ควบคู่ไปกับ Nano-SIM
  • iPhone 13 Mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max: เป็นต้นมา iPhone รุ่นเหล่านี้รองรับการใช้งาน eSIM สองหมายเลขได้พร้อมกัน (Dual eSIM) หรือ eSIM หนึ่งหมายเลขควบคู่กับ Nano-SIM
  • iPhone SE (รุ่นที่ 3): เช่นเดียวกับ iPhone 13 ขึ้นไป, รุ่นนี้รองรับการใช้งาน eSIM สองหมายเลขได้พร้อมกัน (Dual eSIM) หรือ eSIM หนึ่งหมายเลขควบคู่กับ Nano-SIM
  • iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max: รุ่นเหล่านี้ยังคงรองรับการใช้งาน eSIM สองหมายเลขได้พร้อมกัน (Dual eSIM) หรือ eSIM หนึ่งหมายเลขควบคู่กับ Nano-SIM
  • iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max: รุ่นล่าสุดเหล่านี้ยังคงรองรับการใช้งาน eSIM สองหมายเลขได้พร้อมกัน (Dual eSIM) หรือ eSIM หนึ่งหมายเลขควบคู่กับ Nano-SIM

ความแตกต่างของการรองรับ Dual SIM (eSIM + Nano-SIM หรือ Dual eSIM):

  • eSIM + Nano-SIM: iPhone รุ่นแรกๆ ที่รองรับ eSIM จะต้องใช้งานร่วมกับ Nano-SIM (Physical SIM) หมายความว่าคุณจะมีช่องใส่ซิมจริงหนึ่งช่องและ eSIM หนึ่งหมายเลข
  • Dual eSIM: iPhone 13 ขึ้นไป รวมถึง iPhone SE (รุ่นที่ 3) รองรับการใช้งาน eSIM สองหมายเลขได้พร้อมกัน ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเปิดใช้งานสองหมายเลขโทรศัพท์บน eSIM ได้โดยไม่ต้องใช้ซิมจริง

ทำไม eSIM ถึงมีความสะดวกสบาย?

  • ความสะดวกในการเปลี่ยนเครือข่าย: การเปลี่ยนเครือข่ายหรือเปิดใช้งานซิมใหม่ทำได้ง่ายดายผ่านการสแกน QR Code หรือดาวน์โหลดโปรไฟล์จากผู้ให้บริการเครือข่าย ไม่จำเป็นต้องใส่หรือถอดซิมจริง
  • การจัดการหลายหมายเลขโทรศัพท์: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว หรือใช้งานซิมในประเทศและต่างประเทศพร้อมกัน
  • ความปลอดภัย: eSIM ไม่สามารถถอดออกได้ง่าย ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่าซิมจริงในกรณีที่โทรศัพท์สูญหาย

สรุป:

การเลือก iPhone ที่รองรับ eSIM ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นในการใช้งานโทรศัพท์ของคุณ หากคุณต้องการใช้งานสองหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกัน ลองพิจารณา iPhone รุ่นที่รองรับ eSIM ตั้งแต่ iPhone XR ขึ้นไป โดย iPhone 13 ขึ้นไปและ iPhone SE (รุ่นที่ 3) จะมอบความสะดวกสบายสูงสุดด้วยการรองรับ Dual eSIM ที่ให้คุณใช้งานสองหมายเลขโทรศัพท์บน eSIM ได้อย่างเต็มรูปแบบ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ iPhone ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ