PLC มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

เจาะลึกโลก PLC: ประเภทและการใช้งานที่หลากหลาย

PLC หรือ Programmable Logic Controller คือหัวใจสำคัญในระบบควบคุมอัตโนมัติยุคปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการโปรแกรมเพื่อควบคุมกระบวนการต่างๆ อย่างแม่นยำและยืดหยุ่น PLC จึงถูกนำไปใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม PLC ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่มีการพัฒนาและแบ่งประเภทออกเป็นหลายชนิด เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละงาน

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประเภทต่างๆ ของ PLC ที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งอธิบายลักษณะเด่นและการใช้งานที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ PLC ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

1. PLC จำแนกตามขนาดและขีดความสามารถ:

• PLC ขนาดเล็ก (Micro PLC): เหมาะสำหรับงานควบคุมที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เช่น ควบคุมระบบแสงสว่าง, ควบคุมมอเตอร์ขนาดเล็ก, หรือควบคุมสายพานลำเลียงในระยะสั้น PLC ขนาดเล็กมักมีจำนวน Input/Output (I/O) จำกัด และมีฟังก์ชันการทำงานพื้นฐาน แต่มีข้อดีคือมีราคาถูก ใช้งานง่าย และประหยัดพื้นที่
• PLC ขนาดกลาง (Medium PLC): เป็นที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น ควบคุมเครื่องจักร, ควบคุมระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning), หรือควบคุมกระบวนการผลิตขนาดเล็กถึงกลาง PLC ขนาดกลางมีจำนวน I/O มากขึ้น, มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายกว่า PLC ขนาดเล็ก และสามารถรองรับการสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ดีกว่า
• PLC ขนาดใหญ่ (Large PLC): ออกแบบมาสำหรับงานควบคุมระบบที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ เช่น ควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่, ควบคุมระบบพลังงาน, หรือควบคุมระบบขนส่ง PLC ขนาดใหญ่มีจำนวน I/O มากมาย, มีหน่วยประมวลผลที่ทรงพลัง, และมีฟังก์ชันการทำงานขั้นสูง เช่น การควบคุมแบบ PID, การควบคุมการเคลื่อนที่ (Motion Control), และการจัดการข้อมูลจำนวนมาก

2. PLC จำแนกตามโครงสร้าง:

• PLC แบบ Compact: เป็น PLC ที่รวมเอาหน่วยประมวลผล (CPU), หน่วยความจำ, และ I/O ทั้งหมดไว้ในตัวเครื่องเดียวกัน มีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย เหมาะสำหรับงานที่มีพื้นที่จำกัด
• PLC แบบ Modular: ประกอบด้วยโมดูลต่างๆ ที่สามารถนำมาประกอบรวมกันได้ตามความต้องการใช้งาน เช่น โมดูล CPU, โมดูล I/O แบบต่างๆ (Analog, Digital, Temperature), โมดูลสื่อสาร (Ethernet, Serial) ข้อดีของ PLC แบบ Modular คือมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับแต่งและขยายระบบได้ง่าย

3. PLC จำแนกตามลักษณะการใช้งาน:

• PLC แบบฝังตัว (Embedded PLC): ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งภายในอุปกรณ์หรือเครื่องจักรอื่นๆ เช่น ในเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม, ในเครื่องบรรจุภัณฑ์, หรือในระบบควบคุมการจราจร PLC แบบฝังตัวมักมีขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน
• PLC แบบ Safety (Safety PLC): ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ในเครื่องจักรที่มีการเคลื่อนที่, ในระบบป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า, หรือในระบบควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ Safety PLC มีฟังก์ชันการทำงานที่ช่วยป้องกันอันตรายและรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน

ปัจจัยสำคัญในการเลือก PLC:

การเลือก PLC ที่เหมาะสมกับงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ระบบควบคุมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้:

• จำนวน I/O ที่ต้องการ: พิจารณาจำนวน Input และ Output ที่ระบบต้องการใช้งาน เช่น จำนวนเซ็นเซอร์, จำนวน actuator, และจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม
• ความเร็วในการประมวลผล: พิจารณาความเร็วในการประมวลผลที่เหมาะสมกับความซับซ้อนของโปรแกรมควบคุม
• ฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการ: พิจารณาฟังก์ชันการทำงานที่ระบบต้องการ เช่น การควบคุมแบบ PID, การควบคุมการเคลื่อนที่, หรือการสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ
• งบประมาณ: พิจารณางบประมาณที่ตั้งไว้สำหรับ PLC และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
• ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม: พิจารณาความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ PLC จะถูกติดตั้ง เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, และแรงสั่นสะเทือน

สรุป:

PLC มีหลายประเภทที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละงาน การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ ของ PLC และปัจจัยสำคัญในการเลือก PLC จะช่วยให้คุณสามารถเลือก PLC ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับระบบควบคุมของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ PLC และช่วยให้คุณสามารถนำ PLC ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างเหมาะสม