Recall email Outlook ตรงไหน

2 การดู

หากคุณส่งอีเมลผิดคนหรือมีข้อมูลผิดพลาดใน Outlook ไม่ต้องกังวล! คุณสามารถดึงอีเมลกลับได้ง่ายๆ เพียงไปที่โฟลเดอร์ Sent Items ดับเบิลคลิกที่อีเมลที่ต้องการ จากนั้นเลือก Other Actions และคลิก Recall This Message เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของคุณได้อย่างรวดเร็ว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แก้ไขความผิดพลาด! วิธี “Recall Email” ใน Outlook อย่างละเอียดที่คุณอาจยังไม่รู้

เคยไหมที่ส่งอีเมลผิดคน หรือเพิ่งกดส่งไปก็พบว่ามีข้อมูลสำคัญที่ลืมแนบ? เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และ Outlook ก็มีฟีเจอร์ “Recall Email” ที่ช่วยชีวิตเราได้ในสถานการณ์คับขัน แต่การใช้งานฟีเจอร์นี้ก็มีเงื่อนไขและข้อจำกัดบางอย่างที่เราควรรู้ เพื่อให้การ Recall เป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

บทความนี้จะเจาะลึกเรื่อง “Recall Email” ใน Outlook อย่างละเอียด ไม่ใช่แค่บอกว่า “ไปที่ Sent Items แล้วกด Recall” เท่านั้น แต่จะลงรายละเอียดถึง:

1. เงื่อนไขที่อีเมลจะสามารถ Recall ได้:

  • ผู้รับยังไม่ได้เปิดอ่าน: นี่คือหัวใจสำคัญของการ Recall อีเมล ถ้าผู้รับเปิดอ่านอีเมลไปแล้ว การ Recall จะไม่สามารถทำได้ 100% (แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะส่งข้อความแจ้งเตือนให้ผู้รับลบทิ้ง)
  • ผู้รับใช้ Outlook (ภายในองค์กรเดียวกัน): ฟีเจอร์ Recall ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมภายในองค์กรที่ใช้ Microsoft Exchange Server เป็นระบบอีเมลเดียวกัน หากผู้รับใช้อีเมลอื่น (เช่น Gmail, Yahoo) โอกาสสำเร็จในการ Recall จะน้อยมาก
  • อีเมลยังไม่ได้ถูกย้าย: หากผู้รับมี Rule ใน Outlook ที่ย้ายอีเมลไปยังโฟลเดอร์อื่นทันทีที่ได้รับ อีเมลนั้นอาจถูกย้ายไปแล้ว ทำให้การ Recall ไม่สำเร็จ

2. วิธีการ Recall อีเมลอย่างละเอียด (Step-by-Step):

  • เปิด Outlook: แน่นอนว่าต้องเริ่มต้นด้วยการเปิดโปรแกรม Outlook
  • ไปที่โฟลเดอร์ Sent Items: หาอีเมลที่ต้องการ Recall ในโฟลเดอร์ Sent Items
  • ดับเบิลคลิกที่อีเมล: เปิดอีเมลนั้นขึ้นมาในหน้าต่างใหม่
  • เลือก “Actions” > “Recall This Message…”: มองหาเมนู Actions (อาจอยู่ใน Ribbon หรือเมนูอื่นๆ ขึ้นอยู่กับเวอร์ชัน Outlook) แล้วเลือก “Recall This Message…”
  • เลือกตัวเลือก:
    • Delete unread copies of this message: ลบอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน
    • Delete unread copies and replace with a new message: ลบอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน และแทนที่ด้วยอีเมลใหม่ (แก้ไขข้อมูลแล้วส่งใหม่)
    • Tell me if recall succeeds or fails for each recipient: ขอรับการแจ้งเตือนว่าการ Recall สำเร็จหรือไม่สำเร็จสำหรับผู้รับแต่ละคน
  • คลิก “OK”: ยืนยันการ Recall

3. สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก Recall และการจัดการผลลัพธ์:

  • อีเมลถูกลบ (ถ้าสำเร็จ): หากการ Recall สำเร็จ อีเมลนั้นจะถูกลบออกจาก Inbox ของผู้รับ (ถ้ายังไม่ได้อ่าน)
  • ข้อความแจ้งเตือน (ถ้าไม่สำเร็จ): หากการ Recall ไม่สำเร็จ ผู้รับอาจได้รับข้อความแจ้งเตือนว่าคุณพยายาม Recall อีเมล ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
  • การตรวจสอบผลลัพธ์: หากคุณเลือก “Tell me if recall succeeds or fails for each recipient” คุณจะได้รับการแจ้งเตือนว่าการ Recall สำเร็จหรือไม่สำหรับผู้รับแต่ละคน

4. ข้อจำกัดและความเป็นไปได้อื่นๆ:

  • ไม่ใช่ยาวิเศษ: ฟีเจอร์ Recall ไม่ได้การันตีว่าจะสำเร็จเสมอไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
  • ทางเลือกอื่น: หากการ Recall ไม่สำเร็จ ให้พิจารณาทางเลือกอื่น เช่น ส่งอีเมลขอโทษและอธิบายความผิดพลาด หรือโทรศัพท์ไปแจ้งผู้รับโดยตรง
  • การป้องกัน: ทางที่ดีที่สุดคือการตรวจสอบอีเมลให้รอบคอบก่อนส่งทุกครั้ง เพื่อลดโอกาสที่จะต้องใช้ฟีเจอร์ Recall

5. เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ส่งอีเมลทดสอบ: ก่อนส่งอีเมลสำคัญ ให้ลองส่งอีเมลทดสอบไปยังตัวเองก่อน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาและไฟล์แนบ
  • Delay Delivery: ใช้ฟีเจอร์ Delay Delivery ใน Outlook เพื่อตั้งเวลาให้ส่งอีเมลในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเวลาตรวจสอบอีเมลก่อนส่งจริง
  • ตั้งสติ: หากส่งอีเมลผิดพลาด อย่าตื่นตระหนก ค่อยๆ พิจารณาทางเลือกต่างๆ และดำเนินการอย่างรอบคอบ

สรุป:

ฟีเจอร์ “Recall Email” ใน Outlook เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ไม่ใช่ยาวิเศษ การทำความเข้าใจเงื่อนไขและข้อจำกัดของฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารทางอีเมลได้