ดูยังไงว่าลูกเป็นไข้เลือดออก

8 การดู

สังเกตอาการลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง ปวดท้องรุนแรง มีจุดเลือดออกตามผิวหนังแบบจ้ำๆ อ่อนเพลียผิดปกติ และซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที อย่าชะล่าใจ เพราะอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งชี้โรคร้ายแรงได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้เลือดออกในเด็ก: สังเกตอาการอย่างไรให้รู้ทัน

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ แม้จะพบได้บ่อย แต่ก็เป็นโรคที่อันตรายและสามารถร้ายแรงได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรง การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปพบแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และลดโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง

หลายคนอาจสับสนระหว่างอาการไข้ธรรมดากับอาการของไข้เลือดออก ดังนั้น บทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจถึงอาการสำคัญๆ ที่ควรเฝ้าระวัง เพื่อให้รู้จักวิธีการดูแลลูกน้อยอย่างถูกต้องและทันท่วงที

อาการสำคัญของไข้เลือดออกในเด็กที่ควรเฝ้าระวัง:

แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาที่อาจมีเพียงอาการไข้เล็กน้อย ไข้เลือดออกมักแสดงอาการที่ชัดเจนกว่าและรุนแรงกว่า โดยเฉพาะในระยะไข้สูง (โดยปกติจะสูง 3-7 วัน) อาการที่ควรระวัง ได้แก่:

  • ไข้สูงอย่างต่อเนื่อง: ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานกว่า 2 วัน โดยไม่ลดลงแม้จะกินยาพาราเซตามอลแล้ว นี่เป็นสัญญาณเตือนแรกที่สำคัญที่สุด

  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: เด็กอาจบ่นปวดหัวอย่างรุนแรง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการปวดเบ้าตา ซึ่งแตกต่างจากอาการปวดหัวทั่วไป

  • จุดเลือดออกตามผิวหนัง (Petechiae): สังเกตจุดแดงเล็กๆ หรือจ้ำเลือดออกตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา หรือลำตัว จ้ำเหล่านี้จะไม่หายไปเมื่อกด ซึ่งเป็นอาการสำคัญที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด

  • เหงือกหรือจมูกมีเลือดออก: เป็นอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะเลือดออกง่าย เช่น เลือดออกกำเดา หรือเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ควรได้รับการรักษาโดยเร็ว

  • อ่อนเพลียและซึมอย่างเห็นได้ชัด: เด็กอาจมีอาการง่วงซึม ไม่ค่อยอยากเล่น หรือร้องไห้บ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติของเด็ก

  • อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ: เด็กอาจบ่นปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อ

สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าลูกเป็นไข้เลือดออก:

หากพบว่าลูกน้อยมีอาการดังกล่าวข้างต้น อย่าชะล่าใจ รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาที่รวดเร็วจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การช็อกจากไข้เลือดออก ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากสงสัยว่าบุตรหลานของคุณเป็นไข้เลือดออก โปรดปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด