วิธีอ่านผลวัดไข้ที่ถูกต้องทําอย่างไร

2 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

สังเกตอาการร่วมอื่นๆ นอกเหนือจากอุณหภูมิ เช่น อาการหนาวสั่น ปวดเมื่อย หรืออ่อนเพลีย หากอุณหภูมิสูงผิดปกติและมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วิธีอ่านผลวัดไข้ที่ถูกต้อง: รู้ทันอุณหภูมิร่างกาย ใส่ใจอาการร่วม ดูแลสุขภาพอย่างเข้าใจ

การวัดไข้เป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมีติดตัว เพราะไข้เป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย การอ่านผลวัดไข้ที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินสุขภาพเบื้องต้น และการตัดสินใจว่าจะต้องดูแลตนเองอย่างไร หรือควรไปพบแพทย์หรือไม่

ประเภทของเครื่องวัดไข้และวิธีการอ่านผล

ในปัจจุบัน มีเครื่องวัดไข้หลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีวิธีการอ่านผลที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • เครื่องวัดไข้แบบปรอทแก้ว: เป็นเครื่องวัดไข้แบบดั้งเดิมที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งาน การอ่านผลต้องสังเกตระดับปรอทที่อยู่ในหลอดแก้ว โดยหมุนเครื่องวัดไข้ให้แสงสะท้อนบนปรอทอย่างชัดเจน มองหารอยต่อของปรอทและอ่านค่าที่ตำแหน่งนั้น
  • เครื่องวัดไข้แบบดิจิทัล: เป็นเครื่องวัดไข้ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะใช้งานง่ายและอ่านผลได้อย่างรวดเร็ว เพียงเปิดเครื่องวัดไข้ สอดปลายวัดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการวัด (เช่น ใต้ลิ้น รักแร้ หรือทวารหนัก) รอจนเครื่องส่งสัญญาณเสียง แล้วอ่านค่าอุณหภูมิที่ปรากฏบนหน้าจอ
  • เครื่องวัดไข้แบบอินฟราเรด: เครื่องวัดไข้ประเภทนี้มีทั้งแบบวัดที่หน้าผากและแบบวัดที่หู ใช้งานง่ายและรวดเร็ว เพียงเล็งเครื่องวัดไปที่บริเวณที่ต้องการวัด แล้วกดปุ่มเพื่อทำการวัด ค่าอุณหภูมิจะปรากฏบนหน้าจอทันที

ค่าอุณหภูมิปกติและค่าที่บ่งบอกถึงไข้

โดยทั่วไป อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส แต่ค่านี้อาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยขึ้นอยู่กับบุคคล ช่วงเวลาของวัน และกิจกรรมที่ทำ

  • อุณหภูมิปกติ: 36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส
  • มีไข้ต่ำ: 37.5 – 38.0 องศาเซลเซียส
  • มีไข้: 38.0 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • ไข้สูง: 39.0 องศาเซลเซียสขึ้นไป

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่ออ่านผลวัดไข้

  • บริเวณที่ทำการวัด: อุณหภูมิร่างกายอาจแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ทำการวัด การวัดที่ทวารหนักมักให้ผลที่แม่นยำที่สุด รองลงมาคือการวัดที่ปาก (ใต้ลิ้น) และรักแร้
  • วิธีการวัด: การวัดไข้ที่ถูกต้องมีความสำคัญต่อการได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ควรอ่านคู่มือการใช้งานเครื่องวัดไข้แต่ละประเภทอย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • ปัจจัยที่มีผลต่ออุณหภูมิร่างกาย: อุณหภูมิร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงได้จากหลายปัจจัย เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร การใส่เสื้อผ้าหนาๆ และสภาพแวดล้อมภายนอก

อย่ามองข้ามอาการร่วมอื่นๆ

การวัดไข้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินสุขภาพเบื้องต้น สิ่งสำคัญคือการสังเกตอาการร่วมอื่นๆ นอกเหนือจากอุณหภูมิ เช่น

  • อาการหนาวสั่น: รู้สึกหนาวสั่นแม้ในสภาพอากาศที่ไม่หนาวเย็น
  • ปวดเมื่อย: ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  • อ่อนเพลีย: รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • ปวดศีรษะ: ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
  • คลื่นไส้ อาเจียน: รู้สึกคลื่นไส้ หรืออาเจียน
  • ไอ จาม: มีอาการไอหรือจาม

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

หากอุณหภูมิสูงผิดปกติ และมีอาการร่วมอื่นๆ ที่น่ากังวล ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ:

  • เด็กเล็ก: เด็กเล็กที่มีไข้สูงอาจมีอาการชัก
  • ผู้สูงอายุ: ผู้สูงอายุที่มีไข้มักมีอาการอื่นๆ แทรกซ้อนได้ง่าย
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว: ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคเบาหวาน ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเมื่อมีไข้

สรุป

การอ่านผลวัดไข้ที่ถูกต้องเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัว การเข้าใจประเภทของเครื่องวัดไข้ ค่าอุณหภูมิปกติ และปัจจัยที่มีผลต่ออุณหภูมิร่างกาย จะช่วยให้เราประเมินสุขภาพเบื้องต้นได้อย่างแม่นยำ และตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าจะต้องดูแลตนเองอย่างไร หรือควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่ อย่าลืมสังเกตอาการร่วมอื่นๆ นอกเหนือจากอุณหภูมิ เพราะอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงความรุนแรงของโรคได้ การดูแลสุขภาพอย่างเข้าใจจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ