เด็กอาเจียนต้องทำยังไง

8 การดู

หากเด็กอาเจียน ควรให้ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) ทีละน้อย บ่อยๆ เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่เสียไป และควรให้ยาแก้อาเจียนตามที่แพทย์สั่ง ควรให้รับประทานก่อนมื้ออาหารครึ่งชั่วโมง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ลูกน้อยอาเจียน! อย่าตกใจ! คู่มือฉุกเฉินสำหรับพ่อแม่มือใหม่

อาการอาเจียนในเด็กเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย สร้างความกังวลให้พ่อแม่ไม่น้อย แต่การรับมืออย่างถูกวิธีจะช่วยให้ลูกน้อยหายดีเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน บทความนี้จะให้ข้อมูลเบื้องต้นในการดูแลเด็กที่อาเจียน โปรดจำไว้ว่า นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที

ขั้นตอนแรก: สังเกตอาการและหาสาเหตุ

ก่อนอื่น เราต้องสังเกตอาการของลูกอย่างละเอียด อาเจียนเพียงครั้งเดียวอาจไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่หากอาเจียนบ่อยครั้ง มีไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ปวดท้องอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที การสังเกตสีและลักษณะของอาเจียนก็สำคัญ เช่น อาเจียนเป็นเลือด อาเจียนเป็นสีเขียว หรือมีมูกปน ล้วนบ่งบอกถึงสาเหตุที่แตกต่างกัน อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส อาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะ หรือสาเหตุอื่นๆ การระบุสาเหตุอย่างถูกต้องจะช่วยให้การรักษาได้ผลดี

การดูแลเบื้องต้นที่บ้าน (สำหรับอาการไม่รุนแรง)

หากลูกอาเจียนไม่บ่อย ไม่มีไข้สูง และยังคงดูร่าเริงอยู่ เราสามารถดูแลเบื้องต้นได้ดังนี้:

  • พักผ่อน: ให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เหนื่อยล้า
  • ให้น้ำและสารละลายอิเล็กโทรไลต์ (ORS): การอาเจียนทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ การดื่มน้ำสะอาด น้ำต้มสุก หรือสารละลายอิเล็กโทรไลต์ (ORS) ทีละน้อยๆ บ่อยๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ควรให้ดื่มน้ำครั้งละมากๆ เพราะอาจทำให้ลูกอาเจียนซ้ำ สามารถหาซื้อ ORS ได้ตามร้านขายยา
  • อาหารอ่อน: เมื่ออาการดีขึ้นเล็กน้อย ควรเริ่มให้อาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก กล้วยหอม แอปเปิ้ลบด เป็นต้น ควรให้รับประทานเป็นมื้อเล็กๆ บ่อยๆ หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารรสจัด และอาหารที่ย่อยยาก
  • รักษาความสะอาด: ควรทำความสะอาดปากและร่างกายของลูกให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: ควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ควรพาไปพบแพทย์ทันที

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • การให้ยาแก้อาเจียนโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์: การใช้ยาแก้อาเจียนอาจทำให้การวินิจฉัยโรคยากขึ้น และอาจมีผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ยาใดๆ แก่ลูก
  • การให้อาหารแข็งหรืออาหารรสจัด: อาจทำให้ลูกอาเจียนมากขึ้น
  • การบังคับให้ลูกกินอะไรมากเกินไป: อาจทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด และอาจอาเจียนมากขึ้น

เมื่อใดควรพาเด็กไปพบแพทย์:

  • อาเจียนบ่อยครั้งและรุนแรง
  • อาเจียนเป็นเลือดหรือมีมูกปน
  • มีไข้สูง
  • ซึม เบื่ออาหาร หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ปวดท้องอย่างรุนแรง
  • เด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือน
  • อาการไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลเบื้องต้นแล้ว 24 ชั่วโมง

การดูแลลูกน้อยที่อาเจียนอย่างถูกต้อง ขึ้นอยู่กับการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและการตัดสินใจที่ถูกต้อง หากคุณไม่แน่ใจ โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยของคุณ

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถแทนที่คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้