แคลเซี่ยมต้องกินทุกวันไหม

แคลเซียม: จำเป็นต้องรับประทานทุกวันหรือไม่

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อสุขภาพร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกระดูกและฟันที่แข็งแรง การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในช่วงเด็กและวัยรุ่นที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต

ร่างกายต้องการแคลเซียมเท่าไหร่

ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการจะแตกต่างกันไปตามอายุและปัจจัยอื่นๆ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำต่อวันสำหรับแต่ละช่วงวัยมีดังนี้

• ทารก 0-6 เดือน: 200 มิลลิกรัมต่อวัน
• ทารก 7-12 เดือน: 260 มิลลิกรัมต่อวัน
• เด็กอายุ 1-3 ปี: 700 มิลลิกรัมต่อวัน
• เด็กอายุ 4-8 ปี: 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
• เด็กอายุ 9-18 ปี: 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน
• ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ: 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน

อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม

การรับประทานอาหารที่มีความหลากหลายและครบถ้วนทั้ง 5 กลุ่มอาหารสามารถช่วยให้เราได้รับแคลเซียมที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม ได้แก่

• ผลิตภัณฑ์จากนม: นม โยเกิร์ต ชีส
• ผักใบเขียวเข้ม: คะน้า ผักโขม บรอกโคลี
• ปลาแซลมอน กระป๋องที่มีก้าง
• ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืช: อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดเจีย
• อาหารที่เสริมแคลเซียม: น้ำผลไม้ ซีเรียล นมถั่วเหลือง

การเสริมแคลเซียม

ในบางกรณี การเสริมแคลเซียมอาจจำเป็นสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลเซียม เช่น ผู้ที่แพ้แล็กโทส ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือมังสวิรัติ ผู้ที่มีปัญหาในการดูดซึมแคลเซียม และผู้ที่รับประทานยาบางชนิดที่อาจรบกวนการดูดซึมแคลเซียม ควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการเพื่อพิจารณาความจำเป็นในการเสริมแคลเซียม

ข้อควรระวัง

แม้ว่าแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น แต่การรับประทานมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ เช่น นิ่วในไต และอาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น เหล็กและสังกะสี ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเสริมแคลเซียมโดยไม่ปรึกษาแพทย์

สรุป

การรับประทานแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพกระดูกและฟันที่แข็งแรง การรับประทานอาหารที่มีความหลากหลายและครบถ้วนทั้ง 5 กลุ่มอาหารสามารถช่วยให้เราได้รับแคลเซียมที่เราต้องการได้ ในบางกรณี การเสริมแคลเซียมอาจจำเป็นสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะพร่องแคลเซียม ควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการเพื่อวางแผนการรับประทานแคลเซียมที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง