โรคติกส์ในเด็กรักษายังไง

0 การดู

โรคติกส์ในเด็ก

หากพบว่าเด็กมีอาการสั่นสะบัดมือจนเขียนหนังสือลำบาก หรือมีอาการกระตุกและส่งเสียงถี่และรุนแรงจนน่ากังวล อาจเป็นอาการของโรคติกส์ ซึ่งเป็นภาวะที่รักษาด้วยยาได้ โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามความรุนแรงของอาการเพื่อช่วยลดการกระตุกหรือส่งเสียงให้น้อยลง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการและการรักษาโรคติกส์ในเด็ก

โรคติกส์เป็นภาวะทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการเคลื่อนไหวหรือเสียงที่ซ้ำๆ ไม่ได้ตั้งใจ โดยทั่วไปจะเริ่มปรากฏในวัยเด็กตอนปลายหรือวัยรุ่นตอนต้น และมักจะหายไปเองภายใน 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาการเหล่านี้อาจคงอยู่หรือแม้กระทั่งรุนแรงขึ้นได้

อาการของโรคติกส์ในเด็ก

  • การเคลื่อนไหวที่รุนแรงซ้ำๆ เช่น กระพริบตา ขยับปาก แลบลิ้น หรือพยักหน้า
  • การส่งเสียงซ้ำๆ เช่น ไอ แลบลิ้น ฟ่อ หรือคำพูดหยาบคาย
  • อาการอื่นๆ เช่น การดมกลิ่น สัมผัส หรือกระโดดอย่างกระทันหัน

สาเหตุของโรคติกส์ในเด็ก

สาเหตุที่แท้จริงของโรคติกส์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมอาจมีบทบาท

การรักษาโรคติกส์ในเด็ก

การรักษาโรคติกส์ในเด็กมุ่งเน้นไปที่การจัดการอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิต วิธีการรักษาที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

  • การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (CBT) นักจิตวิทยาจะช่วยเด็กระบุและจัดการความคิดและพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการติกส์
  • ยา แพทย์อาจสั่งยาเพื่อช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการติกส์ ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่ ยากล่อมประสาท ยาป้องกันอาการซึมเศร้า และยากระตุ้น
  • การกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้าแบบลึก (DBS) การรักษาขั้นสูงนี้เกี่ยวข้องกับการปลูกฝังอิเล็กโทรดเข้าไปในสมองเพื่อส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อยับยั้งอาการติกส์

การเลือกการรักษาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ อายุของเด็ก และความชอบส่วนบุคคล การรักษาอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนจึงจะเห็นผล นอกจากนี้ การรักษามักต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสนับสนุนทางอารมณ์และสังคมเพื่อช่วยให้เด็กจัดการกับความยากลำบากทางสังคมและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคติกส์

การพยากรณ์

ภาวะโรคติกส์ในเด็กส่วนใหญ่จะหายไปเองภายใน 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาการเหล่านี้อาจคงอยู่หรือรุนแรงขึ้นได้ การรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเด็กได้อย่างมาก

หากคุณ懷疑ว่าบุตรหลานของคุณอาจมีอาการติกส์ สิ่งสำคัญคือต้องพาพวกเขาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง