ทําไมพยาบาลถึงฉีดยา Diclofenac ไม่ได้

เหนือกว่าความจำเป็น: เหตุใดพยาบาลจึงไม่นิยมฉีดยา Diclofenac อีกต่อไป

ยา Diclofenac เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการบรรเทาอาการปวดและอักเสบ แม้ว่าจะสามารถรับประทานหรือทาภายนอกได้ แต่การฉีดยา Diclofenac กลับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยลงในวงการแพทย์ปัจจุบัน เหตุผลหลักไม่ได้อยู่ที่ความไม่สามารถ แต่เป็นเพราะความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเหนือกว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อ

ข้อกังวลหลักอยู่ที่อันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร การฉีดยา Diclofenac เพิ่มโอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าการรับประทานยาในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูล ซึ่งแม้แต่การรับประทานก็ยังมีความเสี่ยงอยู่แล้ว การฉีดเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงทำให้ยาออกฤทธิ์รวดเร็วและเข้มข้น ส่งผลให้เยื่อบุทางเดินอาหารได้รับผลกระทบรุนแรงกว่า อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงอย่างการเจาะทะลุของผนังกระเพาะอาหารหรือลำไส้ อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น การเกิดอาการแพ้ การทำงานของไตบกพร่อง และความดันโลหิตสูง แม้ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้น้อยกว่าการเกิดแผลในทางเดินอาหาร แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่แพทย์และพยาบาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ยาฉีด ซึ่งส่วนใหญ่สามารถบรรเทาได้ด้วยวิธีการอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ปัจจุบัน มีตัวเลือกยาแก้ปวดและต้านการอักเสบชนิดอื่นๆ ที่มีความปลอดภัยมากกว่า และมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่า เช่น Paracetamol Ibuprofen หรือยาในกลุ่ม COX-2 inhibitors ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารน้อยกว่า การเลือกใช้ยาเหล่านี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบอย่างเร่งด่วน

ดังนั้น การที่พยาบาลไม่นิยมฉีดยา Diclofenac มิใช่เพียงเพราะความไม่สะดวก แต่เป็นเพราะการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นหลัก การใช้ยาอย่างระมัดระวังและการเลือกใช้ยาที่เหมาะสม ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ การปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาจึงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและสุขภาพของแต่ละบุคคล