พยาบาลสามารถฉีดยาอะไรได้บ้าง

2 การดู

พยาบาลวิชาชีพต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงข้อห้ามในการฉีด Diclofenac ชนิดฉีด โดยประกาศฉบับล่าสุด (20 ธ.ค. 2562) เน้นย้ำถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย และกำหนดขอบเขตการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อให้การดูแลสุขภาพเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ขอบเขตการฉีดยาของพยาบาลวิชาชีพ: เส้นแบ่งระหว่างความปลอดภัยและมาตรฐานการดูแล

บทบาทของพยาบาลวิชาชีพในการดูแลสุขภาพมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการให้ยา ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญ และการปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด สภาการพยาบาล ซึ่งเป็นองค์กรที่กำกับดูแลวิชาชีพการพยาบาลในประเทศไทย ได้กำหนดขอบเขตการปฏิบัติงานของพยาบาลไว้อย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและมาตรฐานการดูแลที่สูงที่สุด

ยาที่พยาบาลวิชาชีพสามารถฉีดได้:

โดยทั่วไปแล้ว พยาบาลวิชาชีพสามารถฉีดยาได้หลากหลายชนิด ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญดังนี้:

  • คำสั่งแพทย์ที่ถูกต้อง: การฉีดยาทุกชนิดต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของแพทย์ผู้รักษา ซึ่งระบุชื่อยา ขนาดยา วิธีการให้ยา และความถี่ในการให้ยาอย่างชัดเจน
  • ความรู้ความเข้าใจในตัวยา: พยาบาลต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวยาที่จะทำการฉีด รวมถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ ข้อห้ามใช้ อาการข้างเคียง และวิธีการสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีด
  • ความชำนาญในการฉีดยา: พยาบาลต้องมีความชำนาญในการฉีดยาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular: IM), การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Subcutaneous: SC), การฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ (Intravenous: IV) หรือการฉีดเข้าทางผิวหนัง (Intradermal: ID) โดยต้องเลือกวิธีการฉีดที่เหมาะสมกับชนิดของยา และสภาพของผู้ป่วย
  • การปฏิบัติตามหลักการปลอดเชื้อ: การฉีดยาทุกครั้งต้องปฏิบัติตามหลักการปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วย

ตัวอย่างยาที่พยาบาลอาจได้รับอนุญาตให้ฉีด (ภายใต้เงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้น):

  • ยาปฏิชีวนะ: เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • ยาแก้ปวด: เพื่อบรรเทาอาการปวด
  • วัคซีน: เพื่อป้องกันโรคต่างๆ
  • วิตามิน: เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ
  • อินซูลิน: เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
  • ยาอื่นๆ: ตามคำสั่งแพทย์และข้อบ่งชี้ทางการแพทย์

ข้อจำกัดและข้อยกเว้น:

ถึงแม้ว่าพยาบาลวิชาชีพจะสามารถฉีดยาได้หลากหลายชนิด แต่ก็มีข้อจำกัดและข้อยกเว้นบางประการที่ต้องพิจารณา:

  • ยาที่มีความเสี่ยงสูง: ยาบางชนิดที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอาการข้างเคียง หรือต้องมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด อาจต้องได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือพยาบาลที่มีประสบการณ์สูง
  • นโยบายของสถานพยาบาล: สถานพยาบาลแต่ละแห่งอาจมีนโยบายที่แตกต่างกันเกี่ยวกับยาที่พยาบาลสามารถฉีดได้ ซึ่งพยาบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายของสถานพยาบาลที่ตนเองปฏิบัติงานอยู่
  • ข้อกำหนดของสภาการพยาบาล: สภาการพยาบาลอาจมีการออกประกาศหรือแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาที่พยาบาลสามารถฉีดได้ ซึ่งพยาบาลต้องติดตามและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังเช่นกรณีของ Diclofenac ชนิดฉีด ตามประกาศล่าสุด (20 ธ.ค. 2562) ที่ห้ามพยาบาลฉีด เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

กรณี Diclofenac ชนิดฉีด:

การที่สภาการพยาบาลออกประกาศห้ามพยาบาลฉีด Diclofenac ชนิดฉีด เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพิจารณาความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นอันดับแรก Diclofenac เป็นยาแก้ปวดและลดการอักเสบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีรายงานเกี่ยวกับอาการข้างเคียงที่รุนแรง เช่น อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง และผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การห้ามพยาบาลฉีด Diclofenac ชนิดฉีด จึงเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง และเป็นการย้ำเตือนให้พยาบาลตระหนักถึงความรับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยอย่างรอบคอบ

บทสรุป:

ขอบเขตการฉีดยาของพยาบาลวิชาชีพเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พยาบาลต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดของสภาการพยาบาล นโยบายของสถานพยาบาล และความรู้เกี่ยวกับตัวยาที่จะทำการฉีด เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การตัดสินใจว่าจะฉีดยาใดได้หรือไม่ ควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญที่สุด