Night Eating Syndrome คืออะไร

3 การดู

ภาวะกินกลางคืนเกิดขึ้นเมื่อคุณตื่นกลางดึกเพื่อรับประทานอาหาร อาจทำให้คุณหลับต่อได้ยากจนกว่าจะอิ่ม การรบกวนการนอนจะส่งผลต่อการทำงานในเวลากลางวันและสุขภาพจิตของคุณ มีวิธีรักษาเพื่อจัดการกับพฤติกรรมการกินที่ผิดปกตินี้และให้นอนหลับอย่างเพียงพอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภาวะกินกลางคืน (Night Eating Syndrome): เงียบงัน แต่น่ากังวล

ภาวะกินกลางคืน (Night Eating Syndrome หรือ NES) เป็นความผิดปกติทางการกินที่ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและสุขภาพโดยรวม แตกต่างจากการตื่นขึ้นมากินขนมตอนดึกแบบทั่วๆ ไป NES มีลักษณะเฉพาะที่ซับซ้อนกว่าและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน

ผู้ที่ประสบกับ NES ไม่เพียงแค่รู้สึกหิวในตอนกลางคืน แต่พวกเขามักจะ ตื่นขึ้นมาเพื่อกินโดยเฉพาะ หลายครั้งโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แม้จะรับประทานอาหารมื้อเย็นอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม การรับประทานอาหารในช่วงเวลานี้ไม่ใช่ความอยากอาหารธรรมดา แต่เป็นความต้องการที่แทบจะควบคุมไม่ได้ บางคนอาจรู้สึกวิตกกังวลหรือเครียดจนกว่าจะได้กิน และเมื่อกินแล้วถึงจะสามารถกลับไปนอนหลับต่อได้

วงจรการกินและการนอนที่ผิดปกตินี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในหลายด้าน การนอนหลับที่ไม่เพียงพอทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ง่วงซึม ส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ ความจำ และสมาธิ นอกจากนี้ การกินในปริมาณมากในช่วงเวลาดึกยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัญหาสุขภาพอื่นๆ

NES แตกต่างจากการกินจุบจิบตอนกลางคืนอย่างไร?

แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ NES มีความแตกต่างจากการกินจุบจิบตอนกลางคืน ผู้ที่กินจุบจิบตอนกลางคืนมักจะตระหนักถึงการกินของตนเองและสามารถควบคุมได้มากกว่า ส่วนผู้ที่มี NES มักจะกินโดยไม่รู้ตัวหรือควบคุมได้ยาก และมักจะรู้สึกผิดหรือละอายใจหลังจากตื่นนอน

สาเหตุของ NES ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมนควบคุมความหิวและการนอนหลับ ความเครียด ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และรูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึงการจำกัดอาหารอย่างเข้มงวดในช่วงกลางวัน

การรักษา NES มุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการความเครียด และการรักษาโรคร่วมอื่นๆ เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล แพทย์อาจแนะนำการบำบัดทางจิต การให้คำปรึกษาทางโภชนาการ และในบางกรณีอาจใช้ยาเพื่อช่วยควบคุมความอยากอาหารและปรับปรุงการนอนหลับ

หากคุณสงสัยว่าตนเองอาจมีภาวะกินกลางคืน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.