ข้อใดเป็นลักษณะของ Case Study
การศึกษาเชิงปริทรรศน์ (Case Study) เน้นการวิเคราะห์ปรากฏการณ์เฉพาะอย่างในบริบทจริง โดยไม่จำกัดวิธีการรวบรวมข้อมูล อาศัยข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณจากหลายแหล่ง เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต่างจากการทดลองที่ควบคุมตัวแปร เน้นการศึกษาเชิงลึกมากกว่าการสรุปทั่วไป
ลักษณะเฉพาะของการศึกษาเชิงปริทรรศน์ (Case Study): มองลึก เข้าใจจริง
การศึกษาเชิงปริทรรศน์ (Case Study) เป็นวิธีการวิจัยที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในสาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ เนื่องจากมีความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน และไม่สามารถศึกษาได้ด้วยวิธีการทดลองทั่วไป แต่ลักษณะเฉพาะที่แท้จริงของ Case Study คืออะไร? บทความนี้จะเจาะลึกถึงลักษณะสำคัญที่ทำให้ Case Study แตกต่างจากวิธีการวิจัยอื่นๆ
1. การศึกษาปรากฏการณ์เฉพาะในบริบทจริง: จุดเด่นสำคัญของ Case Study คือการเลือกศึกษาปรากฏการณ์หรือกรณีศึกษาเฉพาะเจาะจง ไม่ใช่การสุ่มตัวอย่างแบบสถิติ แต่เน้นการศึกษาอย่างลึกซึ้งในบริบทที่เกิดขึ้นจริง เช่น การศึกษาผลกระทบของนโยบายการศึกษาใหม่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง หรือการวิเคราะห์สาเหตุความสำเร็จของธุรกิจเฉพาะกิจการ ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมและสะท้อนความเป็นจริงอย่างตรงไปตรงมา
2. การใช้ข้อมูลแบบผสมผสาน: Case Study ไม่จำกัดวิธีการรวบรวมข้อมูล สามารถใช้ข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณได้อย่างอิสระ เช่น อาจใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ เอกสารต่างๆ ร่วมกับข้อมูลเชิงปริมาณจากสถิติ ตัวเลข หรือแบบสอบถาม การผสมผสานข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วน และเข้าใจปรากฏการณ์ได้อย่างรอบด้าน
3. การเน้นความเข้าใจเชิงลึกมากกว่าการสรุปทั่วไป: เป้าหมายหลักของ Case Study คือการสร้างความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ศึกษา ไม่ใช่การสรุปผลทั่วไปที่สามารถนำไปใช้กับประชากรกลุ่มใหญ่ เนื่องจากบริบทของแต่ละกรณีศึกษาแตกต่างกัน ผลการวิจัยจึงอาจไม่สามารถนำไปสรุปหรือแยกย้ายได้ง่าย การเน้นความเข้าใจเชิงลึกนี้เอง ทำให้ Case Study เหมาะสมกับการศึกษาปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน และต้องการการวิเคราะห์เชิงลึกอย่างละเอียด
4. การไม่ควบคุมตัวแปร: ต่างจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมตัวแปรต่างๆ Case Study ไม่สามารถควบคุมตัวแปรได้ เนื่องจากศึกษาในบริบทจริง ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อปรากฏการณ์ การไม่ควบคุมตัวแปรนี้ ทำให้ผลการวิจัยอาจมีความไม่แน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนความเป็นจริงได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น
5. การใช้หลายแหล่งข้อมูล: Case study มักอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และลดความลำเอียง การตรวจสอบข้อมูลจากหลายมุมมอง เช่น การสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย การตรวจสอบเอกสาร และการสังเกตการณ์ จะช่วยให้ภาพรวมของปรากฏการณ์มีความสมบูรณ์และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
สรุปได้ว่า การศึกษาเชิงปริทรรศน์ (Case Study) เป็นวิธีการวิจัยที่มีลักษณะเฉพาะ เน้นการศึกษาเชิงลึก ใช้ข้อมูลแบบผสมผสาน และไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวแปร ทำให้เหมาะสมกับการศึกษาปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน และต้องการการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างแท้จริงในบริบทที่เกิดขึ้นจริง
#กรณีศึกษา#ตัวอย่างศึกษา#วิเคราะห์เชิงลึกข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต