ต้องผ่าน TGAT. กี่คะแนนถึงจะติดคณะ

3 การดู

สอบ TGAT ปีนี้! คะแนนเต็ม 300 คะแนน ต้องการคะแนนอย่างน้อย 140 คะแนนขึ้นไปจึงมีโอกาสติด แต่คะแนนขั้นต่ำอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละคณะและปีการศึกษา ควรศึกษาเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละคณะอย่างละเอียด เตรียมตัวให้พร้อมและตั้งใจอ่านหนังสือให้มากที่สุดนะคะ!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

TGAT ปีนี้: ไขข้อสงสัยคะแนนเท่าไหร่ถึง “ติด” คณะในฝัน?

การสอบ TGAT (Thai General Aptitude Test) กลายเป็นประตูบานสำคัญสำหรับน้องๆ ม.6 ทุกคนที่ใฝ่ฝันจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย การทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ, การฝึกฝนทำโจทย์, และการวางแผนการสอบจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวของทุกคนคือ “คะแนน TGAT เท่าไหร่ ถึงจะติดคณะที่เราอยากเข้า?”

บทความนี้ไม่ได้มาบอกว่า “140 คะแนนติดแน่นอน!” หรือ “200 คะแนนก็ยังไม่ชัวร์!” เพราะความเป็นจริงซับซ้อนกว่านั้นมาก แต่เราจะมาเจาะลึกปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อโอกาสในการเข้าศึกษาต่อ เพื่อให้น้องๆ สามารถวางแผนการเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความหวังมากยิ่งขึ้น

ทำไมคำตอบเรื่อง “คะแนนขั้นต่ำ” ถึงไม่ตายตัว?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า “TGAT ต้องได้ 140 คะแนนขึ้นไปถึงจะติด” ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ “ไม่ผิด” แต่ก็ “ไม่ถูกทั้งหมด” เพราะคะแนน TGAT ที่ใช้ในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั้น แปรผันตามปัจจัยหลักๆ ดังนี้:

  • คณะที่ต้องการ: คณะยอดนิยมที่มีการแข่งขันสูง เช่น คณะแพทย์, วิศวกรรมศาสตร์, หรือรัฐศาสตร์ มักต้องการคะแนน TGAT ที่สูงกว่าคณะอื่นๆ ที่มีการแข่งขันน้อยกว่า การศึกษาข้อมูลคะแนนเฉลี่ยของรุ่นพี่ปีก่อนๆ ในคณะที่สนใจ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
  • มหาวิทยาลัยที่เลือก: แต่ละมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงและความนิยมที่แตกต่างกัน มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นที่ต้องการสูง มักจะมีเกณฑ์การคัดเลือกที่เข้มงวดกว่า และต้องการคะแนน TGAT ที่สูงกว่า
  • รูปแบบการรับสมัคร: TCAS (Thai University Central Admission System) มีหลายรอบ แต่ละรอบมีสัดส่วนคะแนนที่ใช้ในการคัดเลือกแตกต่างกัน บางรอบอาจเน้นคะแนน TGAT เป็นหลัก ในขณะที่บางรอบอาจให้น้ำหนักกับ GPA หรือ Portfolio มากกว่า การทำความเข้าใจเกณฑ์การรับสมัครของแต่ละรอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  • ปีการศึกษา: ความยากง่ายของข้อสอบ TGAT ในแต่ละปี รวมถึงจำนวนผู้สมัคร และคะแนนเฉลี่ยของผู้เข้าสอบทั้งหมด ล้วนส่งผลต่อคะแนนขั้นต่ำในการเข้าศึกษาต่อทั้งสิ้น

แล้วเราควรทำอย่างไร?

แทนที่จะจมอยู่กับคำถามว่า “ต้องได้กี่คะแนน?” ลองเปลี่ยนมาโฟกัสที่การเตรียมตัวสอบอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

  • ศึกษาโครงสร้างข้อสอบ TGAT อย่างละเอียด: ทำความเข้าใจเนื้อหา, รูปแบบคำถาม, และทักษะที่จำเป็นสำหรับแต่ละส่วนของข้อสอบ (TGAT1: การสื่อสารภาษาอังกฤษ, TGAT2: การคิดอย่างมีเหตุผล, TGAT3: สมรรถนะการทำงาน)
  • ฝึกทำโจทย์และข้อสอบเก่า: การฝึกทำโจทย์จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับรูปแบบคำถามและจับจุดสำคัญของเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น การทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้เราประเมินความสามารถของตัวเองและเห็นจุดที่ต้องปรับปรุง
  • วางแผนการอ่านหนังสืออย่างเป็นระบบ: จัดตารางเวลาการอ่านหนังสือให้ครอบคลุมทุกเนื้อหา และให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เรายังไม่ถนัดเป็นพิเศษ
  • ติดตามข่าวสารการรับสมัครอย่างใกล้ชิด: เข้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยและคณะที่เราสนใจ เพื่อศึกษาเกณฑ์การรับสมัคร, สัดส่วนคะแนนที่ใช้ในการคัดเลือก, และกำหนดการรับสมัครอย่างละเอียด
  • อย่าท้อแท้และให้กำลังใจตัวเอง: การสอบ TGAT เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ และให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ

สรุป

คะแนน TGAT ที่จะทำให้ “ติด” คณะในฝันนั้น ไม่ได้มีตัวเลขตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง การเตรียมตัวสอบอย่างมีประสิทธิภาพ, การศึกษาข้อมูลการรับสมัครอย่างละเอียด, และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้น้องๆ มีโอกาสประสบความสำเร็จในการสอบ TGAT มากยิ่งขึ้น สู้ๆ นะครับ!