เฮเทอโรไซกัส ยีน คืออะไร

ยีนเฮเทอโรไซกัส

เมื่อยีนใดๆ มีอัลลีลหลายแบบ สิ่งมีชีวิตที่มียีนนั้นในรูปแบบที่แตกต่างกันสองแบบจะเรียกว่าเฮเทอโรไซกัส (heterozygous) ตัวอย่างเช่น ในกรณีของมนุษย์ หากมีอัลลีลสำหรับตาสีน้ำตาลและอัลลีลสำหรับตาสีฟ้า บุคคลที่มีการจัดเรียงอัลลีลดังกล่าวจะเป็นเฮเทอโรไซกัสสำหรับลักษณะสีตา ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีอัลลีลสำหรับตาสีฟ้า บุคคลเหล่านี้อาจมีดวงตาสีน้ำตาลได้เนื่องจากอัลลีลสำหรับตาสีน้ำตาลเป็นลักษณะเด่น

หลักการของยีนเฮเทอโรไซกัส

หลักการของยีนเฮเทอโรไซกัสได้รับการอธิบายโดยเกรกอร์ เมนเดล ซึ่งเป็นบิดาแห่งพันธุศาสตร์ เขาพบว่าในสิ่งมีชีวิตที่มีสองชุดของโครโมโซม (สิ่งมีชีวิตแบบไดพลอยด์) ยีนแต่ละยีนมีอัลลีลสองแบบ สิ่งมีชีวิตมีชุดอัลลีลหนึ่งชุดสำหรับแต่ละยีนซึ่งสืบทอดมาจากแต่ละพ่อแม่

เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตมียีนในรูปแบบที่แตกต่างกันสองแบบ ยีนนั้นจะถูกกล่าวว่าเป็นแบบเฮเทอโรไซกัส สำหรับอัลลีลที่แสดงลักษณะเด่น แม้ว่าบุคคลจะมีอัลลีลสำหรับลักษณะด้อย แต่ก็อาจแสดงลักษณะเด่นได้ ซึ่งหมายความว่าในกรณีของสีตา คนที่มีอัลลีลสำหรับตาสีน้ำตาลและอัลลีลสำหรับตาสีฟ้าจะแสดงลักษณะที่มีตาสีน้ำตาลแม้จะมีอัลลีลสำหรับตาสีฟ้า

ความสำคัญของยีนเฮเทอโรไซกัส

ยีนเฮเทอโรไซกัสมีความสำคัญในหลายๆ ด้าน:

• เพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรม: สิ่งมีชีวิตที่มียีนเฮเทอโรไซกัสมีโอกาสในการแสดงลักษณะที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากร
• เพิ่มความคงทน: สิ่งมีชีวิตที่มียีนเฮเทอโรไซกัสมีแนวโน้มที่จะทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและโรคภัยไข้เจ็บได้มากขึ้น เนื่องจากมีอัลลีลสำรองในกรณีที่อัลลีลหนึ่งแสดงลักษณะด้อย
• การพัฒนาความซับซ้อน: ยีนเฮเทอโรไซกัสอาจทำให้เกิดลักษณะหรือสมบัติที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งอาจให้ประโยชน์ทางวิวัฒนาการ
• พื้นฐานของการผสมพันธุ์แบบเมนเดล: หลักการของยีนเฮเทอโรไซกัสเป็นพื้นฐานของการผสมพันธุ์แบบเมนเดล ซึ่งใช้ในการทำนายลักษณะที่ถ่ายทอดในรุ่นต่อๆ ไป

โดยสรุปแล้ว ยีนเฮเทอโรไซกัสเป็นแนวคิดพื้นฐานในพันธุศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีอัลลีลที่แตกต่างกันสองแบบสำหรับยีนในสิ่งมีชีวิตเดียวกัน ยีนเหล่านี้มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางพันธุกรรม ความคงทน และการพัฒนาความซับซ้อนทางลักษณะ