Covert Behavior overt behavior คืออะไร

1 การดู

พฤติกรรมภายใน (Covert Behavior) คือความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่สามารถสังเกตจากภายนอกได้โดยตรง ส่วนพฤติกรรมภายนอก (Overt Behavior) คือการกระทำที่แสดงออกให้ผู้อื่นเห็นได้ เช่น การพูด การเดิน การหัวเราะ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

พฤติกรรมภายในและภายนอก: สองด้านของเหรียญเดียวกันที่ขับเคลื่อนชีวิตเรา

บ่อยครั้งที่เรามองเห็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของพฤติกรรม นั่นคือ การกระทำที่ปรากฏให้เห็นภายนอก แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ กลับเป็นมวลมหาศาลของความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ที่หล่อหลอมและขับเคลื่อนพฤติกรรมที่เราแสดงออก

พฤติกรรมของมนุษย์จึงสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักๆ คือ พฤติกรรมภายนอก (Overt Behavior) และ พฤติกรรมภายใน (Covert Behavior) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบซึ่งกันและกันอย่างแยกไม่ออก

พฤติกรรมภายนอก (Overt Behavior) คือการกระทำที่สามารถสังเกตได้โดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย การเดิน การแสดงสีหน้า ท่าทาง หรือแม้กระทั่งการเขียน พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นและสามารถวัดผลได้ง่าย ตัวอย่างเช่น การยิ้มเป็นการแสดงออกถึงความสุข การหลีกเลี่ยงการสบตาอาจบ่งบอกถึงความประหม่า หรือการถอนหายใจอาจสื่อถึงความเบื่อหน่าย

ในทางกลับกัน พฤติกรรมภายใน (Covert Behavior) เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา ไม่สามารถสังเกตได้โดยตรงจากภายนอก พฤติกรรมเหล่านี้ประกอบไปด้วยความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ความทรงจำ จินตนาการ และแม้แต่การพูดคุยกับตัวเองภายในใจ ตัวอย่างเช่น การรู้สึกตื่นเต้นก่อนการนำเสนอ การคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก หรือการวางแผนกิจกรรมสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและแยกไม่ออก

ถึงแม้ว่าพฤติกรรมภายในและภายนอกจะแตกต่างกัน แต่ทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและส่งผลกระทบซึ่งกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  • พฤติกรรมภายในนำไปสู่พฤติกรรมภายนอก: ความคิดและความรู้สึกที่เรามีอยู่ภายใน มักจะนำไปสู่การกระทำที่แสดงออกมาภายนอก ตัวอย่างเช่น หากเรารู้สึกโกรธ เราอาจจะแสดงอาการโกรธออกมาทางสีหน้า ท่าทาง หรือคำพูด
  • พฤติกรรมภายนอกส่งผลต่อพฤติกรรมภายใน: การกระทำของเราก็สามารถส่งผลต่อความคิดและความรู้สึกของเราได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากเราบังคับตัวเองให้ยิ้ม แม้ว่าเราจะไม่ได้รู้สึกมีความสุขจริงๆ การยิ้มนั้นก็สามารถช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้
  • การรับรู้พฤติกรรมภายนอกของผู้อื่นส่งผลต่อพฤติกรรมภายในของเรา: เมื่อเราสังเกตพฤติกรรมของผู้อื่น เรามักจะตีความและประเมินพฤติกรรมนั้น ซึ่งจะนำไปสู่ความคิดและความรู้สึกของเราเอง ตัวอย่างเช่น หากเราเห็นเพื่อนร่วมงานทำผิดพลาด เราอาจจะรู้สึกเห็นใจ หรือรู้สึกสมน้ำหน้า ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนร่วมงานคนนั้น

ความสำคัญของการเข้าใจพฤติกรรมทั้งสองประเภท

การทำความเข้าใจทั้งพฤติกรรมภายในและภายนอก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าใจตัวเองและผู้อื่น รวมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

  • การเข้าใจตนเอง: การตระหนักถึงความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ของตนเอง (พฤติกรรมภายใน) จะช่วยให้เราเข้าใจแรงจูงใจในการกระทำของเรา (พฤติกรรมภายนอก) และสามารถควบคุมพฤติกรรมของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การเข้าใจผู้อื่น: การพยายามทำความเข้าใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น (พฤติกรรมภายใน) จากพฤติกรรมที่แสดงออกมา (พฤติกรรมภายนอก) จะช่วยให้เรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้
  • การปรับปรุงการสื่อสาร: การตระหนักว่าพฤติกรรมภายนอกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด จะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการพยายามทำความเข้าใจถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนั้น

สรุป

พฤติกรรมภายในและภายนอกเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน ที่มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน การทำความเข้าใจทั้งสองประเภทนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น การใส่ใจในรายละเอียดของพฤติกรรมทั้งสองประเภทนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญสู่การพัฒนาตนเองและสร้างสรรค์สังคมที่ดี