ตลาดหุ้นไทยมีกี่แบบ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย: มิติที่ซับซ้อนกว่าแค่ “กี่แบบ”

บทความหลายชิ้นกล่าวถึงประเภทของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หรือหุ้นกู้แปลงสภาพได้ แต่การถามว่า “ตลาดหุ้นไทยมีกี่แบบ” นั้น เป็นคำถามที่ซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะมิใช่เพียงแค่การนับจำนวนประเภทของหลักทรัพย์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับโครงสร้าง กลไกการซื้อขาย และกลุ่มเป้าหมายของนักลงทุนอีกด้วย

หากมองในมิติของ ประเภทหลักทรัพย์ คำตอบอาจดูง่าย เราสามารถจำแนกได้เป็นหลักๆ ดังนี้:

• หุ้นสามัญ (Common Stock): เป็นหลักทรัพย์ที่นิยมมากที่สุด ให้สิทธิ์ในการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น และมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (หากบริษัทมีกำไรและมีการจ่ายปันผล) ความเสี่ยงสูง แต่ศักยภาพผลตอบแทนก็สูงตามไปด้วย

• หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock): มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ แต่โดยทั่วไปไม่มีสิทธิ์ออกเสียง มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นสามัญ แต่ผลตอบแทนอาจต่ำกว่า

• หุ้นกู้ (Bond): เป็นตราสารหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้ และเมื่อครบกำหนด จะได้รับเงินต้นคืน มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น แต่ผลตอบแทนก็มักต่ำกว่าเช่นกัน หุ้นกู้บางประเภทอาจมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพได้ (Convertible Bonds) ที่สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ภายใต้เงื่อนไขบางประการ

• ใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น (Warrant): เป็นหลักทรัพย์ที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือในการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทในอนาคต ในราคาที่กำหนดไว้ โดยมีระยะเวลาที่กำหนด เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้เพื่อการเก็งกำไรเป็นหลัก

แต่ถ้ามองในมุม โครงสร้างและกลไกการซื้อขาย ตลาดหุ้นไทยมีความซับซ้อนมากกว่า มีระบบการซื้อขายที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีที่สูง แบ่งการซื้อขายเป็น ตลาดหลัก ตลาด mai (ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ) ซึ่งมีเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนที่แตกต่างกัน สะท้อนถึงความเสี่ยงและศักยภาพที่แตกต่างกันของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ยังมีระบบการซื้อขายที่หลากหลาย เช่น การซื้อขายแบบปกติ การซื้อขายแบบตราสารอนุพันธ์ (Derivative) ซึ่งเพิ่มมิติความซับซ้อนให้กับตลาดยิ่งขึ้น

ดังนั้น คำตอบสำหรับคำถาม “ตลาดหุ้นไทยมีกี่แบบ” จึงไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองและเกณฑ์ในการจำแนก มากกว่าการนับประเภทของหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว ตลาดหุ้นไทยเป็นระบบนิเวศน์ที่มีความซับซ้อน ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่ทำงานร่วมกัน ทำให้การเข้าใจตลาดให้ครอบคลุม ต้องมองให้ลึกกว่าแค่ประเภทของหลักทรัพย์ แต่ต้องเข้าใจกลไกการทำงาน ความเสี่ยง และโอกาส ของตลาดโดยรวมด้วย