SET กับ SET100 ต่างกันอย่างไร
SET100 คัดเลือกจากหุ้นสามัญ 100 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีการปรับฐานการคำนวณเช่นเดียวกับ SET Index เมื่อหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นเนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ ส่งผลต่อมูลค่าดัชนี
SET กับ SET100: ต่างกันอย่างไร และควรลงทุนแบบไหน?
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีดัชนีหลักอยู่สองตัวที่นักลงทุนมักพบเจอ นั่นคือ SET Index (หรือที่รู้จักกันในชื่อ SET) และ SET100 Index (หรือ SET100) แม้ทั้งสองดัชนีจะสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นไทย แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งความแตกต่างนี้ส่งผลต่อกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม
SET Index (SET): ภาพรวมของตลาดหุ้นไทย
SET Index คือดัชนีหลักที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ครอบคลุมหุ้นสามัญเกือบทุกตัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การคำนวณดัชนีนี้ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในตลาดเป็นตัวตั้ง จึงถือเป็นตัวบ่งชี้ความเคลื่อนไหวโดยรวมของตลาดได้อย่างดี นักลงทุนสามารถใช้ SET เป็นตัวชี้วัดภาวะตลาดโดยรวม และเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์การลงทุนในหุ้นไทยอย่างกว้างขวาง
SET100 Index (SET100): ความแข็งแกร่ง 100 อันดับแรก
SET100 Index เป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้นสามัญที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด 100 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวได้ว่า SET100 สะท้อนภาพของบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว บริษัทเหล่านี้มักมีเสถียรภาพทางการเงินที่ดีกว่าและมีผลประกอบการที่น่าสนใจกว่าบริษัทขนาดเล็กในตลาด การลงทุนใน SET100 จึงอาจเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การที่ SET100 เลือกเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ 100 อันดับแรก อาจทำให้พลาดโอกาสในการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต
ความแตกต่างที่สำคัญ:
ลักษณะ | SET Index | SET100 Index |
---|---|---|
จำนวนหุ้น | เกือบทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ | 100 อันดับแรกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด |
ขนาดบริษัท | ครอบคลุมบริษัททุกขนาด | เน้นบริษัทขนาดใหญ่ |
ความเสี่ยง | ความเสี่ยงอาจสูงกว่า เนื่องจากครอบคลุมหุ้นหลากหลายขนาด | ความเสี่ยงอาจต่ำกว่า เนื่องจากเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง |
สภาพคล่อง | สภาพคล่องอาจแตกต่างกันไปในแต่ละหุ้น | โดยทั่วไปมีสภาพคล่องสูง |
การกระจายความเสี่ยง | กระจายความเสี่ยงได้กว้างขวางกว่า | การกระจายความเสี่ยงจำกัดอยู่เฉพาะ 100 หุ้น |
สรุป:
การเลือกที่จะลงทุนตาม SET หรือ SET100 ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ SET เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในภาพรวมของตลาดหุ้นไทย และยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ในขณะที่ SET100 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคง มีความเสี่ยงต่ำกว่า และยอมรับผลตอบแทนที่อาจไม่สูงเท่ากับการลงทุนใน SET ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากจำเป็น
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ก่อนการลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วยตนเอง ผลตอบแทนจากการลงทุนในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ผลตอบแทนในอนาคต
#Set#Set100#ต่างกันข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต