มารยาทในการฟัง 6 ข้อ มีอะไรบ้าง

2 การดู

หลีกเลี่ยงการขัดจังหวะผู้พูด จดบันทึกเฉพาะประเด็นสำคัญ แสดงออกทางสีหน้าและภาษากายที่บ่งบอกถึงการตั้งใจฟัง เช่น พยักหน้า สบตา เพื่อให้ผู้พูดรู้สึกว่ามีคนกำลังฟังอยู่จริงๆ และ ถามคำถามที่เกี่ยวข้องเมื่อผู้พูดเปิดโอกาสให้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ศิลปะแห่งการฟัง: 6 ข้อสู่การเป็นผู้ฟังที่ดีเยี่ยม

การฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่เงียบและรับรู้สิ่งที่ผู้อื่นพูด แต่แท้จริงแล้ว การฟังอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นศิลปะที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝน การเป็นผู้ฟังที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และนำไปสู่การสื่อสารที่ราบรื่น ต่อไปนี้คือ 6 ข้อสำคัญที่จะช่วยยกระดับทักษะการฟังของคุณให้เป็นเลิศ:

1. จิตใจอยู่กับปัจจุบัน หลีกเลี่ยงการตัดสินล่วงหน้า: ก่อนที่ผู้พูดจะเริ่มต้น ควรปล่อยวางความคิดและความกังวลอื่นๆ ทิ้งอคติและความคิดเห็นส่วนตัวไว้ชั่วคราว ตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ โดยไม่คิดวิเคราะห์หรือตัดสินผู้พูด หรือเนื้อหาที่กำลังรับฟังอยู่ ความคิดเหล่านี้จะทำให้เราพลาดรายละเอียดสำคัญ และขัดขวางการรับรู้สาระสำคัญของการสนทนา

2. หลีกเลี่ยงการขัดจังหวะผู้พูด: นี่เป็นมารยาทพื้นฐานแต่สำคัญยิ่ง การขัดจังหวะไม่เพียงแต่แสดงถึงความไม่เคารพต่อผู้พูด แต่ยังทำให้การสนทนาสะดุด และอาจทำให้ผู้พูดรู้สึกไม่สบายใจ ควรอดทนรอจนกว่าผู้พูดจะพูดจบประโยค หรือมีช่วงหยุดพัก จึงค่อยแสดงความคิดเห็นหรือถามคำถาม

3. จดบันทึกเฉพาะประเด็นสำคัญอย่างมีกลยุทธ์: การจดบันทึกช่วยให้เราจดจำสิ่งที่ได้ยินได้ดีขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องจดทุกคำพูด ควรเน้นจดเฉพาะประเด็นสำคัญ หัวข้อหลัก หรือข้อมูลที่จำเป็น การจดบันทึกอย่างมีกลยุทธ์จะช่วยให้เราประมวลผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง

4. แสดงออกทางสีหน้าและภาษากายที่บ่งบอกถึงการตั้งใจฟัง: การสบตา พยักหน้า หรือการแสดงสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจ เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าเรากำลังตั้งใจฟัง สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างบรรยากาศการสื่อสารที่ดี และทำให้ผู้พูดรู้สึกว่ามีคนกำลังรับฟังอย่างจริงใจ อย่าลืมสังเกตภาษากายของผู้พูดด้วย เพราะบางครั้งมันอาจสื่อสารสิ่งที่คำพูดบอกไม่ได้

5. ถามคำถามที่เกี่ยวข้องอย่างสร้างสรรค์: เมื่อผู้พูดเปิดโอกาสให้ถามคำถาม ควรใช้โอกาสนี้เพื่อขอคำชี้แจง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คำถามที่ดีควรกระชับ ตรงประเด็น และช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การถามคำถามแสดงให้เห็นว่าเรากำลังติดตาม และสนใจในสิ่งที่ผู้พูดกำลังสื่อสาร

6. สรุปความเข้าใจเพื่อยืนยันความถูกต้อง: หลังจากที่ผู้พูดพูดจบ ควรสรุปความเข้าใจของเราสั้นๆ เพื่อยืนยันว่าเราเข้าใจเนื้อหาอย่างถูกต้อง หากมีข้อสงสัย หรือส่วนใดที่ไม่เข้าใจ ควรขอให้ผู้พูดชี้แจงเพิ่มเติม การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเข้าใจผิด และสร้างความมั่นใจในการสื่อสาร

การฝึกฝนทักษะการฟังทั้ง 6 ข้อนี้ จะช่วยให้เราไม่เพียงแต่เป็นผู้ฟังที่ดี แต่ยังเป็นผู้สื่อสารที่ดีขึ้นด้วย เพราะการฟังอย่างมีประสิทธิภาพเป็นรากฐานสำคัญของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี และความเข้าใจอันลึกซึ้งระหว่างกัน