ทําไมริมฝีปากถึงคัน

2 การดู

ริมฝีปากคันกวนใจ? อย่าเลีย เม้ม หรือแกะ! เลี่ยงลิปสติก ยาสีฟันที่แพ้ ทาวาสลีนให้ชุ่มชื้นบ่อยๆ ถ้าไม่ดีขึ้น ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาสเตียรอยด์เอง เพราะอาจมีผลข้างเคียงได้ ทำตามนี้ริมฝีปากสวยสุขภาพดีแน่นอน!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ริมฝีปากคัน…สาเหตุและวิธีรับมืออย่างถูกต้อง

ริมฝีปากคัน เป็นปัญหาเล็กๆ ที่สร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการคันแบบแสบๆร้อนๆ หรือคันแบบยุบยิบๆ ทำให้เราอดใจไม่ไหวที่จะเลีย เม้ม หรือแม้กระทั่งแกะริมฝีปาก แต่พฤติกรรมเหล่านี้กลับยิ่งทำให้ปัญหาแย่ลงไปอีก วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจถึงสาเหตุที่ทำให้ริมฝีปากคัน และวิธีรับมืออย่างถูกต้อง เพื่อให้ริมฝีปากของคุณกลับมาสวยสุขภาพดีดังเดิม

สาเหตุที่ทำให้ริมฝีปากคันนั้นหลากหลาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  • ความแห้งกร้าน: นี่คือสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด อากาศแห้ง การดื่มน้ำน้อย หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลริมฝีปากที่ไม่เหมาะสม ล้วนทำให้ริมฝีปากขาดความชุ่มชื้น แห้งแตก และเกิดอาการคันตามมา ผิวหนังที่แห้งกร้านยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น

  • การแพ้: ลิปสติก ยาสีฟัน หรือแม้กระทั่งเครื่องสำอางชนิดอื่นๆ อาจมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ อาการแพ้เหล่านี้แสดงออกได้หลากหลาย ตั้งแต่เพียงแค่คันเล็กน้อยจนถึงบวม แดง และเป็นผื่น การระบุตัวการแพ้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสซ้ำ

  • เชื้อรา: เชื้อราบางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ในบริเวณที่ชื้นและอับ เช่น ร่องริมฝีปาก ทำให้เกิดอาการคัน แดง และมีขุย โดยเฉพาะในผู้ที่ชอบเลียริมฝีปากบ่อยๆ

  • โรคผิวหนัง: โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง อาจมีอาการคันที่ริมฝีปากเป็นอาการแสดงหนึ่ง โดยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ผื่นแดง บวม และแตก

  • การสัมผัสสารระคายเคือง: สารเคมีบางชนิด เช่น สารทำความสะอาด หรือสารในผลิตภัณฑ์บางอย่าง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและคันที่ริมฝีปากได้

  • การขาดวิตามิน: การขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี อาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตกและคันได้

วิธีรับมือกับริมฝีปากคัน:

  • ทาผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น: เช่น วาสลีน หรือลิปบาล์ม ควรทาบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากล้างหน้า หรือเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้ง

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลดีต่อผิวหนังรวมถึงริมฝีปากด้วย

  • หลีกเลี่ยงการเลีย เม้ม หรือแกะริมฝีปาก: พฤติกรรมเหล่านี้จะยิ่งทำให้ริมฝีปากแห้ง แตก และคันมากขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติก ยาสีฟัน หรือเครื่องสำอางที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้: หากสงสัยว่าแพ้ผลิตภัณฑ์ใด ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

  • หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น บวม แดง หรือมีหนอง ควรไปพบแพทย์: แพทย์จะช่วยวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสม อย่าพยายามใช้ยาสเตียรอยด์เอง เพราะอาจมีผลข้างเคียงได้

การดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ และระมัดระวังในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นวิธีที่สำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการริมฝีปากคัน แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้ริมฝีปากของคุณกลับมาสวยงามและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน