อาการของโรคเซ็บเดิร์มที่ตามีอะไรบ้าง

2 การดู

โรคเซ็บเดิร์มที่ตาส่งผลต่อเปลือกตา ทำให้เกิดอาการระคายเคือง คัน แดง และเป็นขุย อาจมีสะเก็ดเหลืองคล้ายรังแคเกาะอยู่ตามขนตาหรือคิ้ว รู้สึกแสบตาหรือตาแห้งได้ บางรายอาจมีอาการเปลือกตาบวมหรือมองเห็นภาพไม่ชัด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เซ็บเดิร์มรอบดวงตา: เมื่อความสวยงามถูกบั่นทอนด้วยความไม่สบาย

โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อย ซึ่งมักส่งผลกระทบต่อบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และลำตัวตอนบน อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี โรคเซ็บเดิร์มอาจส่งผลกระทบต่อบริเวณรอบดวงตา ซึ่งสร้างความไม่สบายตัวและบั่นทอนความมั่นใจได้

อาการของเซ็บเดิร์มรอบดวงตา: มากกว่าแค่รังแคที่เปลือกตา

แม้ว่าอาการ “รังแคที่เปลือกตา” จะเป็นภาพที่คุ้นเคยเมื่อพูดถึงเซ็บเดิร์มบริเวณรอบดวงตา แต่ความจริงแล้ว อาการของโรคนี้มีความหลากหลายและซับซ้อนกว่านั้นมาก การทำความเข้าใจอาการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถสังเกตความผิดปกติและเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

อาการที่พบบ่อยของเซ็บเดิร์มบริเวณรอบดวงตา ได้แก่:

  • ระคายเคืองและคัน: อาการคันถือเป็นอาการเด่นของโรคเซ็บเดิร์ม ผู้ป่วยมักรู้สึกคันบริเวณเปลือกตาและรอบดวงตา ซึ่งอาจทำให้ต้องขยี้ตาบ่อยๆ และยิ่งทำให้อาการแย่ลง
  • เปลือกตาแดง: ผิวหนังบริเวณเปลือกตาจะแดงและอักเสบ โดยเฉพาะบริเวณขอบเปลือกตา
  • เป็นขุยและสะเก็ด: ขุยและสะเก็ดสีเหลืองคล้ายรังแค เป็นลักษณะเด่นของเซ็บเดิร์ม มักพบเกาะอยู่ตามโคนขนตา คิ้ว หรือบริเวณรอยพับของเปลือกตา
  • แสบตาและตาแห้ง: ความผิดปกติของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา (Meibomian gland) อาจส่งผลให้การผลิตน้ำตาผิดปกติ ทำให้รู้สึกแสบตา ตาแห้ง หรือมีอาการเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในดวงตา
  • เปลือกตาบวม: ในบางราย เปลือกตาอาจบวมแดง ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบหรือการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
  • มองเห็นภาพไม่ชัด: อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่อาการรุนแรง หรือมีการอักเสบของกระจกตา (Keratitis) ร่วมด้วย

อาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น:

นอกจากอาการที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นๆ เช่น

  • ขนตาร่วง: การอักเสบเรื้อรังอาจทำให้ขนตาร่วงได้
  • ตากุ้งยิง: เซ็บเดิร์มอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดตากุ้งยิง (Stye) ซึ่งเป็นการอักเสบของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา
  • เยื่อบุตาอักเสบ: ในบางกรณี การอักเสบอาจลุกลามไปยังเยื่อบุตา (Conjunctiva) ทำให้เกิดอาการเยื่อบุตาอักเสบ เช่น ตาแดง แสบตา และมีขี้ตา

ความสำคัญของการวินิจฉัยและการรักษา:

หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าอาจเป็นเซ็บเดิร์มบริเวณรอบดวงตา การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผิวหนังหรือจักษุแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การรักษาอาจประกอบด้วยการใช้ยาเฉพาะที่ เช่น ครีมสเตียรอยด์อ่อนๆ ยาแก้คัน หรือยาปฏิชีวนะ (ในกรณีที่มีการติดเชื้อ) รวมถึงการดูแลความสะอาดของเปลือกตาอย่างสม่ำเสมอ

ข้อควรระวัง:

  • ไม่ควรขยี้ตา เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นระคายเคืองและอักเสบมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาใดๆ บริเวณรอบดวงตา

สรุป:

โรคเซ็บเดิร์มบริเวณรอบดวงตาอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย การทำความเข้าใจอาการของโรค การเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลสุขอนามัยของเปลือกตาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมอาการของโรคและรักษาความสวยงามของดวงตาคู่สวยของคุณได้