โครงสร้างองค์กรมีกี่ประเภท

0 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

การเลือกโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญของการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างแบบลำดับชั้นที่เน้นการควบคุม หรือโครงสร้างแบบทีมงานที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน แต่ละรูปแบบล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละโครงสร้างจะช่วยให้องค์กรเลือกรูปแบบที่สอดคล้องกับเป้าหมายและวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างลงตัว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โครงสร้างองค์กรประเภทต่างๆ

หัวใจสำคัญของการเติบโตขององค์กรคือการเลือกระบบโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างลำดับชั้นแบบดั้งเดิมที่เน้นการควบคุม หรือโครงสร้างแบบทีมที่ส่งเสริมความร่วมมือ แต่ละระบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละโครงสร้างจะช่วยให้องค์กรสามารถเลือกโครงสร้างที่สอดคล้องกับเป้าหมายและวัฒนธรรมของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. โครงสร้างลำดับชั้น

โครงสร้างลำดับชั้นเป็นรูปแบบทั่วไปที่พบในองค์กรดั้งเดิม โดยมีพนักงานรายงานต่อผู้จัดการโดยตรง ซึ่งรายงานต่อผู้บริหารระดับสูงอีกที โครงสร้างประเภทนี้มีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน การตัดสินใจส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมอบอำนาจให้กับผู้จัดการระดับล่างในการดูแลทีมและภารกิจต่างๆ

ข้อดี:

  • สายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนทำให้การสื่อสารและการรายงานง่ายขึ้น
  • การมีผู้จัดการระดับกลางช่วยลดภาระงานของผู้บริหารระดับสูง
  • สนับสนุนการควบคุมและการสั่งการ

ข้อเสีย:

  • อาจมีการไหลเวียนข้อมูลช้าเนื่องจากผ่านหลายเลเยอร์
  • การสื่อสารข้ามแผนกอาจเป็นเรื่องยาก
  • พนักงานอาจรู้สึกห่างไกลจากผู้บริหารระดับสูง

2. โครสร้างแบบแบ่งส่วน

โครงสร้างแบบแบ่งส่วนแบ่งองค์กรออกเป็นหน่วยงานหรือแผนกต่างๆ ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีความรับผิดชอบเฉพาะ อย่างเช่น องค์กรที่มีโครงสร้างตามผลิตภัณฑ์อาจมีแผนกการตลาด การผลิต และการขาย ซึ่งแต่ละแผนกมีผู้จัดการแยกต่างหาก โครงสร้างประเภทนี้ช่วยให้เกิดความเชี่ยวชาญและความคล่องตัว

ข้อดี:

  • ช่วยให้เกิดความเชี่ยวชาญและความคล่องตัว
  • แต่ละหน่วยงานสามารถมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายของตนเอง
  • การตัดสินใจสามารถกระจายไปยังผู้จัดการระดับท้องถิ่น

ข้อเสีย:

  • อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานเนื่องจากเป้าหมายที่ทับซ้อน
  • การสื่อสารข้ามหน่วยงานอาจเป็นเรื่องยาก
  • อาจมีการซ้ำซ้อนของทรัพยากรและความรับผิดชอบ

3. โครสร้างแบบกลุ่ม

โครงสร้างแบบกลุ่มแบ่งองค์กรออกเป็นกลุ่มของหน่วยงานหรือแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกัน โดยแต่ละกลุ่มมีผู้จัดการระดับกลุ่มเป็นผู้ดูแล โครงสร้างประเภทนี้รวมเอาประโยชน์ของโครงสร้างแบบลำดับชั้นและแบบแบ่งส่วน โดยมีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนในแต่ละกลุ่ม แต่ยังคงความคล่องตัวและการกระจายอำนาจ

ข้อดี:

  • มีทั้งการควบคุมและความคล่องตัว
  • สร้างความร่วมมือและการสื่อสารภายในกลุ่ม
  • อนุญาตให้มีการตัดสินใจแบบกระจายอำนาจ

ข้อเสีย:

  • อาจมีความซับซ้อนในการจัดการเนื่องจากมีเลเยอร์การจัดการหลายเลเยอร์
  • การสื่อสารข้ามกลุ่มอาจเป็นเรื่องยาก
  • อาจมีการแข่งขันระหว่างกลุ่ม

4. โครสร้างแบบเมทริกซ์

โครงสร้างแบบเมทริกซ์เป็นโครงสร้างที่ผสมผสานระหว่างโครงสร้างแบบลำดับชั้นและแบบแบ่งส่วน พนักงานรายงานต่อทั้งผู้จัดการด้านฟังก์ชัน (เช่น การตลาด การเงิน) และผู้จัดการโครงการหรือผลิตภัณฑ์ โครงสร้างประเภทนี้เหมาะสำหรับองค์กรที่มีโครงการหรือผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการประสานงานจากหลายหน่วยงาน

ข้อดี:

  • ให้ความยืดหยุ่นและการตอบสนองได้ดีเยี่ยม
  • ส่งเสริมการสื่อสารและความร่วมมือข้ามฟังก์ชัน
  • ช่วยให้พนักงานพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ

ข้อเสีย:

  • อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างผู้จัดการ
  • การประเมินผลการทำงานอาจเป็นเรื่องยากเนื่องจากมีผู้จัดการหลายคน
  • อาจสร้างความสับสนให้กับพนักงานเนื่องจากมีสายการรายงานหลายสาย