ทำกิฟกี่บาท

ทำกิฟท์ราคาเท่าไหร่? ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตัวเลข

การทำกิฟท์ (GIFT: Gamete Intrafallopian Transfer) หรือการฝังตัวอ่อนในท่อนำไข่ เป็นหนึ่งในวิธีการช่วยการเจริญพันธุ์ที่ได้รับความนิยม แต่คำถามสำคัญที่คู่รักหลายคู่สงสัยก็คือ “ทำกิฟท์ราคาเท่าไหร่?” คำตอบนั้นไม่ใช่ตัวเลขตายตัว ราคาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และแม้จะมีแพ็กเกจ “ครบวงจร” อย่างเช่น แพ็กเกจ B ที่ระบุราคา 300,000 บาท สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ซึ่งรวมขั้นตอนการกระตุ้นไข่ การเจาะเก็บไข่ การผสมเทียม และการย้ายตัวอ่อน แต่การทำกิฟท์นั้นแตกต่างและมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป

แพ็กเกจ B ที่กล่าวถึง (300,000 บาท) ไม่ใช่ราคาของการทำกิฟท์ แพ็กเกจนี้ครอบคลุมขั้นตอนของ IVF ซึ่งเป็นวิธีการที่แตกต่างจากการทำกิฟท์อย่างสิ้นเชิง IVF จะทำการผสมไข่กับเชื้ออสุจิในห้องปฏิบัติการก่อนนำตัวอ่อนที่เจริญเติบโตแล้วไปฝังในโพรงมดลูก ส่วนการทำกิฟท์ จะทำการปล่อยไข่และเชื้ออสุจิเข้าไปในท่อนำไข่โดยตรง เพื่อให้การปฏิสนธิเกิดขึ้นในท่อนำไข่อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ดังนั้น การระบุราคาโดยตรงสำหรับการทำกิฟท์จึงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากราคาจะขึ้นอยู่กับ:

• คลินิกหรือโรงพยาบาล: แต่ละแห่งมีมาตรฐานและค่าบริการที่แตกต่างกัน คลินิกเอกชนอาจมีราคาสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐบาล และเทคโนโลยีที่ใช้ก็มีผลต่อค่าใช้จ่าย
• จำนวนครั้งในการรักษา: หากครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ อาจต้องทำซ้ำ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
• ยาและเวชภัณฑ์: ยาที่ใช้ในการกระตุ้นรังไข่ มีหลายชนิดและราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิดของยาที่แพทย์สั่ง
• ภาวะแทรกซ้อน: หากเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการรักษา เช่น การติดเชื้อ หรือต้องมีการรักษาเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
• ค่าตรวจเพิ่มเติม: อาจมีค่าตรวจเพิ่มเติมที่แพทย์แนะนำ เช่น การตรวจเลือด การอัลตราซาวนด์ ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่ง

สรุปแล้ว การค้นหาข้อมูลเรื่องราคาการทำกิฟท์ควรติดต่อสอบถามโดยตรงกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ท่านสนใจ เพื่อขอรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ควรสอบถามถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม เพื่อวางแผนการเงินให้พร้อม อย่าตัดสินใจเพียงจากราคาที่ปรากฏ แต่ควรพิจารณาคุณภาพของการบริการ ประสบการณ์ของแพทย์ และความเหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเองเป็นสำคัญ

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของท่าน