รถล้มมีพรบ.ต้องสำรองจ่ายไหม

3 การดู

ประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ. คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาในโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ เพียงแสดงบัตรประจำตัวประชาชนและหลักฐานการทำประกัน โรงพยาบาลจะเบิกค่ารักษาโดยตรงกับบริษัทประกัน สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ดูแลคุณอย่างเต็มที่

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รถล้มมี พ.ร.บ. ไม่ต้องสำรองจ่ายจริงหรือ? ไขข้อข้องใจเรื่องความคุ้มครอง

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ แม้แต่การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เราคุ้นเคย หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน รถล้มจนได้รับบาดเจ็บ หลายคนอาจกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเพียงประกันภัย พ.ร.บ. คุ้มครอง คำถามที่พบบ่อยคือ “รถล้มมี พ.ร.บ. ต้องสำรองจ่ายไหม?”

คำตอบคือ โดยหลักการแล้ว ไม่ต้องสำรองจ่าย หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการกับบริษัทประกันภัยที่เราทำ พ.ร.บ. ไว้ เพียงแสดงบัตรประชาชนและบัตร พ.ร.บ. หรือหลักฐานการทำประกัน โรงพยาบาลจะดำเนินการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับบริษัทประกันโดยตรง ทำให้ผู้ประสบภัยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในเบื้องต้น สามารถมุ่งเน้นไปที่การรักษาตัวให้หายดีได้อย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง อาจมีข้อยกเว้นบางประการ ที่ทำให้ผู้ประสบภัยจำเป็นต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน เช่น

  • โรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาไม่ได้อยู่ในเครือข่ายของบริษัทประกัน: ในกรณีนี้ ผู้ประสบภัยอาจต้องสำรองจ่ายไปก่อน แล้วจึงนำใบเสร็จรับเงินไปเบิกกับบริษัทประกันภายหลัง ควรตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลในเครือข่ายกับบริษัทประกันภัยของท่านให้แน่ใจก่อนเข้ารับการรักษา
  • ค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงินความคุ้มครองของ พ.ร.บ.: พ.ร.บ. มีวงเงินความคุ้มครองที่กำหนดไว้ หากค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงินที่กำหนด ส่วนเกินที่เหลือผู้ประสบภัยต้องรับผิดชอบเอง ดังนั้น การมีประกันภัยภาคสมัครใจเพิ่มเติมจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้
  • เกิดเหตุในพื้นที่ห่างไกลหรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน: บางกรณีอาจมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่าย หรือสถานพยาบาลที่ไม่สามารถเบิกจ่ายกับบริษัทประกันได้ในทันที ซึ่งอาจต้องสำรองจ่ายไปก่อน

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและความยุ่งยาก ควรศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครองของ พ.ร.บ. ให้ละเอียด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทประกัน และพกพาบัตร พ.ร.บ. หรือหลักฐานการทำประกันติดตัวไว้เสมอ เพื่อความสะดวกในการเข้ารับการรักษา และได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน

นอกจากนี้ ควรจดจำชื่อบริษัทประกันภัย และหมายเลขกรมธรรม์ พ.ร.บ. ของตนเองให้แม่นยำ เพื่อแจ้งให้โรงพยาบาลทราบได้อย่างรวดเร็ว และติดต่อบริษัทประกันภัยได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น และลดความกังวลในช่วงเวลาที่ยากลำบากได้